- 08 พ.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 8 พฤษภาคม 2560 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดชุมพร ผู้ประกอบการเรือประมงและชาวประมงพื้นบ้านริมชายฝั่ง จาก 6 สมาคมประมง ประกอบด้วย สมาคมปากตะโก ด่านสวี หลังสวน ปากน้ำชุมพร ร่วมใจ และสมาคมอวนซั้งและเรือร่วม ประมาณ 500 คน เดินทางเพื่อยื่นหนังสือ จำนวน 2 เรื่อง 1.ความเดือดร้อนของชาวประมง กรณีกฎหมายสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ว่าด้วยการนเดินเรือในน่านน้ำไทย(ฉบับที่ 17 ) พ.ศ.2560 และ 2.ขอให้ช่วยผลักดันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องการขาดแคลนรงงานบนเรือประมง ต่อมานายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้มอบหมายให้ นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ รองผู้ว่าราชการ เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยมี นายประจินต์ ธานสิริสิน ปลัดจังหวัดชุมพร นายปนัย หนูแก้ว ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคจังหวัดพังงา รอง ผอ.กอ.รมน. ประมงจังหวัดชุมพร แรงงานจังหวัดชุมพร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเข้ารับฟังปัญหาดังกล่าวจากชาวประมงด้วย
หลังรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รับหนังสือร้องเรียนความเดือดร้อนของชาวประมง ที่หน้าศาลากลางจังหวัดชุมพร ต่อมาได้เชิญตัวแทนชาวบ้าน จำนวน 20 คน เข้าประชุมที่ห้องเกาะลังจาจิว ชั้น 2 โดยได้แบ่งเป็น 2 เรื่องความเดือดร้อน
เรื่องแรกคือ ความเดือดร้อนของชาวประมง กรณีกฎหมายสิ่งล่วงล้ำลำน้ำฯ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย(ฉบับที่ 17 )พ.ศ.2560 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ โดยได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย “หมวดว่าด้วยการล่วงล้ำแม่น้ำ” อาทิ การเพิ่มโทษจำคุก เพิ่มค่าปรับ ซึ่งกฎหมายดังกล่าว มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวประมง ผู้ประกอบการเรือประมงทุกขนาด ที่มีความจำเป็นในการขนถ่ายสัตว์น้ำและกิจกรรมต่างๆบริเวณแพปลา และท่าเทียบเรือประมง ครอบครัวคนงานที่เป็นลูกจ้างทั้งคนไทยและต่างด้าว รวมทั้งอุตสาหกรรมต่อเนื่องประมง อาทิ รถขนส่งสินค้าประมงทั้งในและต่างประเทศ นำเข้าและส่งออก โรงงานปลาป่น ตลอดจนธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม เรือท่องเที่ยวระหว่างเกาะ ผู้ประกอบการฯต้องการเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องทั้งหมด แต่ติดขัดในนโยบายของรัฐ จึงเป็นปัญหาให้ไม่สามารถนำเอกสารสิทธิ์ในที่ดินไปขออนุญาตจากกรมเจ้าท่า ในเรื่องการก่อสร้างท่าเทียบเรือ / แพปลา ที่ต้องใช้พื้นที่ลุกล้ำลำน้ำ อีกทั้งกรมเจ้าท่า ก็มิได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์หรือชี้แจงและบังคับใช้กฎหมายก่อนๆต่อผู้ประกอบการที่ได้ก่อสร้างท่าเรือ/แพปลาในสมัยนั้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ชาวประมงจังหวัดชุมพร ขอให้พิจารณาทบทวน พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย(ฉบับที่ 17 ) พ.ศ.2560 ตลอดจนหาแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐได้ละเลยการบังคับใช้กฎหมายมานาน
เรื่องที่2ขอให้ช่วยผลักดันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องการขาดแคลนแรงงานบนเรือประมง ทั้งนี้ผู้ประกอบการเรือประมงในจังหวัดชุมพรได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในกิจการประมงทะเลเป็นจำนวนมาก เนื่องจากปัจจุบันกระทรวงแรงงานมีนโยบายไม่เปิดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวอีกและไม่สามารถนำแรงานMOUเข้าสู่ภาคประมงทะเลได้อีกทั้งภาคประมงทะเลไม่มีแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องตามกฎหมายแม้แต่ได้มีการทำหนังสือขอไปยังภาครัฐเพื่อจัดหาแรงงานไทยมาทำงานในเรือประมงรัฐก็ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ทำให้พี่น้องชาวประมงทั้งประเทศขาดแคลนแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวเรือประมงมาสามารถออกทำการประมงได้ซึ่งต้องผ่านการแจ้งเรือเข้า-ออก (PIPO)ที่มีกฎระเบียบมากมายเรือประมงจึงมีความจำเป็นต้องจดเป็นจำนวนมากโดยที่ผ่านมาทางผู้ประกอบการได้แจ้งผ่านสมาคมประมงท้องถิ่นเกี่ยวกับจำนวนการขาดแคลนแรงงานและมีความต้องการแรงงานเพื่อทำงานในเรือประมง ไปยังสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยด้วยแล้ว
ทั้งนี้เพื่อให้รับผลักดันในการแก้ปัญหา 2 ข้อดังนี้ 1.ขอให้จัดตั้งศูนย์ one stop service บริเวณชายแดน เพื่อเป็นจุดรับ-ส่ง แรงงานต่างด้าว เพื่อให้มีการดำเนินการที่สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการจัดทำทะเบียนแรงงานต่างด้าว ลดปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ลดค่าใช้จ่ายแก้ปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนปัญหาเรื่องโรคติดต่อที่มาจากแรงงานต่างด้าว 2.เร่งรัดขอให้รัฐใช้มาตรา 83 แห่งประราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ให้อธิบดีกรมประมงใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกในการออกหนังสือคนประจำเรือ (seabook) แบบเบ็ดเสร็จเพื่อให้ได้ใช้แรงงานประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการใช้วิธีการของกฎหมายแบบเบ็ดเสร็จเพื่อให้กรมประมงดำเนินการจดทะเบียน ออกใบอนุญาตทำงานเพื่อทำงานในเรือประมง เพื่อให้ชาวประมงสามารถนำแรงงานต่างด้าวมาขอออกหนังสือคนประจำเรือ(seabook)ได้ และเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงในระยะสั้นระหว่างรอแรงงานMOU การประชุมหารือและรับเรื่องดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงแยกย้ายกันกลับโดยยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว จึงได้เพียงรับเรื่องยื่นต่อไปยังรัฐบาลเพื่อแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป
ภาพ/ข่าว พงศกร นวนละมัย ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ชุมพร