- 15 พ.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 ที่หอประชุมวัดบ้านหนองฮ่าง หมู่ 4 ต.หัวง้ม อ.พาน จ.เชียงราย ได้จัดให้มีการประชุมประจำเดือนและชี้ผลงานการทำงานของนายสุรศักดิ์ ไชยยา ผู้ใหญ่บ้านหนองฮ่าง ซึ่งจะเกษียณอายุในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ปรากฎว่าได้มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะนายสมศักดิ์ มามูล หนึ่งในชาวบ้านหนองฮ่างและเคยเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านหนองฮ่างมาก่อน ได้มีการซักถามถึงโครงการก่อสร้างโรงสีประจำหมู่บ้าน ตามโครงการเพิ่มความแข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ที่รัฐบาลให้การอุดหนุนวงเงิน 500,000 บาท ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จมานานกว่า 7 เดือนจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถให้บริการได้ อีกทั้งมีข้อสงสัยที่ส่อไปในทางทุจริตที่งบประมาณโรงสีแพงกว่าราคาตามท้องตลาดทั่วไป ทำให้บรรยากาศในการประชุมเป็นไปอย่างตรึงเครียด โดยมีทั้งกลุ่มชาวบ้านที่ต้องการคำตอบจากผู้ใหญ่บ้านและกรรมการบริหารถึงควงามเป็นมาและความคืบหน้าของโครงการ และกลุ่มที่สนับสนุนการก่อสร้าง โดยไม่อยากให้มีการชี้แจงหรือรื้อโครงการมาพุดคุยอีก รวมทั้งการกีดกันไม่ให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าว โดยอ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อหมู่บ้านและการเกษียณอายุของผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบันที่ได้รับรางวัลแหนบทองคำ ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน แต่ทุกฝ่ายก็อธิบายตามหลักการและเหตุผลของตนเอง จนจบการประชุมโดยที่ไม่มีเหตุการปานปลายแต่อย่างใด
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่าชาวบ้านกว่าร้อยละ 90 มีความครางเครงใจต่อโครงการก่อสร้างโรงสีดังกล่าวแต่ไม่มีใครกล้าแสดงออกและบางส่วนเกรงใจเพราะเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน แต่ส่วนใหย่ไม่เห็นด้วยต่อโครงการที่ผู้ใหญ่บ้านและฝ่ายบริหารดำเนินการ ที่ใช้เงินของหมู่บ้านถึง 500,000 บาทไปสร้างโรงสีโดยไม่ผ่านการประชาคมหรือให้ชาวบ้านทราบ รับรู้เพียงไม่กี่คน มีการสร้างในสถานที่ไม่เหมาะสมคือสร้างในพื้นที่วัด อีกทั้งราคาค่าโรงสียังแพงกว่าราคาตลาด ซึ่งงบประมาณเบิกจ่ายเป็นค่าโรงเรียน 180,000 บาท ค่าเครื่องสีข้าว 320,000 บาท ซึ่งตามราคาท้องตลาดและหมู่บ้านจ้างติดตั้งในราคาไม่เกิน 300,000 บาท อีกทั้งยังมีส่วนต่างคืนอีกร่วม 70,000 บาท โดยไม่ทราบเงินเหล่านี้ไปไหน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบตามกระบวนการของรัฐและที่สำคัญโรงสีปัจจุบันใช้ไม่ได้และไม่มีชาวบ้านเข้าไปใช้บริการเลย สิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือให้ทางผู้ใหญ่บ้านและฝ่ายบริหารมาขอโทษและยอมรับผิดต่อสิ่งที่ทำลงไป
ด้านนายสุรศักดิ์ กล่าวว่าตนพร้อมฝ่ายบริการมีการดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบทุกอย่าง มีรายงานการประชุมและชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเห็นว่าการก่อสร้างโรงสีมีความเหมาะสมเพื่อประโยชน์ของชุมชน โดยที่ทางตนและฝ่ายบริหารไม่เคยได้รับเงินส่วนแบ่งจากการก่อสร้างแต่อย่างใด ส่วนโรงสีที่ใช้การไม่ได้เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของระบบการเดินไฟที่ไม่ดี จึงไม่สามารถใช้การได้ การที่เกิดปัญเหล่านี้ขึ้นเนื่องจากตนจะเกษียณอายุแล้ว และตจะจัดส่งผู้ช่วยลงรับเลือกตั้ง ทำให้อีกฝ่ายที่มุ่งหวังจะลงชิงตำแหน่งเช่นกันจึงนำเรื่องมาใส่ร้ายตน ซึ่งตนและฝ่ายบริหารสามารถให้พิสูจน์ได้
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับโครงการก่อสร้างโรงสีข้าวได้มีขอเบิกจ่ายเงินงบประมาณ กับธนาคารออมสินสาขาอำเภอพานก้อนแรกในการก่อสร้างสถานที่ 180,000 บาท เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2559และขอเบิกงบค่าเครื่องสีข้าวอีกครั้งวงเงิน 320,000 บาทเมื่อวันที่ 8 พฤษจิกายน 2559 มีการเปิดสีข้าวในวันทำพิธีเปิดเพียงครั้งเดียวจากนั้นก็ไม่ใด้ให้บริการหรือมีชาวบ้านเข้าไปใช้บริการอีกเลย ล่าสุดทางตัวแทนเจ้าหน้าที่จากมณฑลทหารบกที่ 37 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมทำการเก็บภาพและข้อมูลความเป็นมาเป็นไปของโครงการและสอบถามตัวแทนของทั้งฝ่ายเพื่อเสนอกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จังหวัดเชียงราย ได้รับทราบและพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปแล้ว
ภาพ/ข่าว เหรียญชัย จันทร์สุภาเสน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.เชียงราย