- 22 พ.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 22 พ.ค. 2560 ตัวแทน สมาคมคนรักษ์เล จังหวัดกระบี่ ร่วมประชุมกับ กับตัวแทนเครือข่ายจังหวัดชายทะเล รวม 23 จังหวัด ที่มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสรุปหาแนวทางการแก้ปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชน หลังจากมีการบังคับให้กฎหมาย
ตามที่พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยฉบับที่ 17 พ. ศ. 2560 กำหนดให้ผู้เป็นเจ้าของหรือครอบครองอาคารหรือสิ่งอื่นใดที่ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำของแม่น้ำลำคลอง บึงอ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบอันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือทะเลหรือบนชายหาดของทะเลดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า ต้องไปแจ้งการครอบครองภายในวันที่ 22 มิถุนายน 2560 นี้ เพื่อนำเสนอปัญหาแนวทางแก้ไขกับหน่วยงานภาครัฐ นายอาหลี ชาญน้ำ นายกสมาคมคนรักษ์เล จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ในจังหวัดกระบี่ มีชุมชนชายฝั่ง รวม 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.อ่าวลึก อ.เมือง อ.เหนือคลอง อ.คลองท่อม อ.เกาะลันตา รวม 30 หมู่บ้าน กว่า 1 หมื่นครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นชาวประมงพื้นบ้าน ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ชายฝั่งทะเลและลำคลองต่อเนื่องกันมาจากบรรพบุรุษ
จึงขอขยายระยะเวลาขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่า จากสิ้นสุดในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ออกไปก่อน และหน่วยงานภาครัฐ ต้อง จัดเวทีเสวนาสาธารณะ มีนักวิชาการ นักกฎหมาย องค์กรภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหาข้อสรุปเพื่อแก้ไขกฎหมายในสภาพที่สามารถนำไปใช้ได้จริง จากนี้จะมีการทำหนังสือถึงหน่วยงานต่าง ๆ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กระทรวงคมนาคม ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตราด สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ สำหรับ กฎหมายใหม่ ใช้ผู้บุกรุก จ่ายค่าปรับไม่น้อยกว่าตารางเมตรละ 500 บาทและไม่เกินตารางเมตรละ 10,000 บาท หากมาแจ้งและจ่ายค่าปรับเจ้าท่าอาจอนุญาตให้อยู่ได้โดยต้องเสียค่าตอบแทนเป็นรายปีไม่น้อยกว่าตารางเมตรละ 100 บาทและเป็น 2 เท่า ถ้าใช้เพื่อประกอบธุรกิจ กรณีไม่ไปแจ้งตามเวลาที่กำหนดผู้ครอบครองหรือเจ้าของต้องจ่ายค่าปรับตารางเมตรละ 1,000 ถึง 20,000 บาท จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับและต้องจ่ายค่าปรับรายวันไม่เกินตาราง เมตรละ 20 ,000 บาทตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน ในจังหวัดกระบี่ หากมีการเสียค่าปรับ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ข่าว/ภาพ บัญฑิต รอดเกิด ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.กระบี่