- 25 มิ.ย. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
คำว่า "เครื่องสังคโลก" เป็นคำเรียกเครื่องปั้นดินเผาเฉพาะที่ผลิตในจังหวัดสุโขทัย ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18 ถึงพุทธศตวรรษที่ 22 โดยการผลิตนั้นมีการพัฒนาภายในชุมชนมาก่อน ต่อมาก็มีการค้าขายแลกเปลี่ยนกับดินแดนต่างๆ จึงได้รับเทคนิควิธีและรูปแบบจากภายนอกด้วยทั้ง ขอม จีน และเวียดนาม จนกระทั่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนได้รับความนิยมแพร่หลายมีชื่อเสียงมาก ถึงกับเป็นสินค้าส่งออกไปขายยังต่างประเทศสมัยนั้น เช่น หมู่เกาะบอร์เนียว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเชีย และญี่ปุ่น ณ ประเทศดังกล่าวพบว่ามีเครื่องสังคโลกสุโขทัยเป็นมรดกตกทอดมาถึงปัจจุบันเป็นอันมาก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นแล้วถือกันว่าสังคโลกเป็นของชั้นสูงที่มีค่ายิ่ง
แหล่งเตาสังคโลกโบราณ : แหล่งอุตสาหกรรมผลิตเครื่องสังคโลกในอดีตหลายร้อยปีที่ผ่านมาของจังหวัดสุโขทัย กรมศิลปากรขุดค้นพบจำนวน 3 แหล่งใหญ่ คือ แหล่งที่หนึ่งคือ กลุ่มเตาบ้านป่ายาง เป็นกลุ่มเตาขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมเหนือตัวเมืองโบราณศรีสัชนาลัยประมาณ 500 เมตร ภายในเตาพบเครื่องสังคโลกสีขาวเขียนลายด้วยสีน้ำตาล หรือสีดำ ทั้งตุ๊กตา ยักษ์ หัวสิงห์ เทพพนม ช่อฟ้า ใบระกา และหางหงษ์ ซึ่งใช้เป็นเครื่องประกอบสถาปัตยกรรมต่างๆ แหล่งที่สองคือ กลุ่มเตาบ้านเกาะน้อย ที่ตำบลหนองอ้อ อำเภอศรีสัชนาลัย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยม เหนือเมืองโบราณศรีสัชนาลัย ประมาณ 5 กิโลเมตร พบว่าเตามีการสร้างทับซ้อนหลายยุคสมัย และพบสังคโลกเนื้อแกร่งเคลือบสีน้ำตาลอมเหลือง และสีเขียวอมฟ้าเป็นจำนวนมาก โดยลวดลายต่างๆ ใช้เทคนิคขูดลายก่อนทำการเคลือบ ได้แก่ ลายปลา ดอกไม้ พันธุ์พฤกษา กลุ่มเตาแหล่งนี้นิยมเรียงภาชนะด้วยกี๋ท่อ จึงพบรอยวงกลมที่ก้นภาชนะด้านนอก นอกจากนี้ยังพบเตาที่ผลิตหม้อและโอ่งเนื้อแกร่งโดยเฉพาะด้วย ณ บริเวณกลุ่มเตานี้กรมศิลปากรได้ก่อสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์ และศึกษาเตาเผาเครื่องสังคโลกไว้ด้วย แหล่งที่สามคือ ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย ทางทิศเหนือของวัดพระพายหลวงหรือเมืองสุโขทัยเก่า พบกลุ่มเตาแม่โจนตั้งอยู่ริมคูแม่โจนและคลองดิน อันเป็นสายน้ำเชื่อมต่อกับคลองแม่ลำพัน เตาเผามีลักษณะเป็นเตากูบที่ใส่เชื้อเพลิงอยู่ด้านหน้า ตรงกลางเป็นที่ใส่ภาชนะ และส่วนท้ายเป็นปล่องไฟ การเรียงภาชนะนิยมวางซ้อนกันโดยคั่นด้วยกี๋งบน้ำอ้อย จึงทำให้พบรอยบุ๋มจากปุ่มของกี๋ 5-6 ปุ่ม ที่ก้นภาชนะด้านใน อันเป็นข้อสังเกตถึงแหล่งผลิต โดยเครื่องถ้วยชามแหล่งนี้นิยมเขียนลายดอกไม้ กงจักร และปลา ด้วยสีดำ บนพื้นเคลือบสีขาวและเคลือบใสทับ โดยใช้อุณหภูมิการเผาที่ 900-1,000 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังพบกระปุก ผอบ แจกัน และกระเบื้องมุงหลังคาด้วย ด้วยเหตุที่ขุดค้นพบกลุ่มเตาจำนวนมาก และเครื่องสังคโลกประเภทต่างๆหลายประเภท ประกอบกับเมื่อปี พ.ศ.2518 นักโบราณคดีใต้น้ำชาวเดนมาร์คได้สำรวจพบแหล่งเรือจมในทะเลลึกอ่าวไทย ภายในเรือพบเครื่องถ้วยที่มีรูปแบบ ดิน และน้ำยาเคลือบแบบอย่างเดียวกันกับที่ผลิตไปจากกลุ่มเตาเกาะน้อย ศรีสัชนาลัย จึงสันนิษฐานว่าอาณาจักรสุโขทัยในอดีตได้ทำการผลิตเครื่องสังคโลกเพื่อการส่งออก
นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เปิดเผยว่า จากการขุดค้นเตาทุเรียง กลุ่มเตาแม่โจน ตามโครงการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งเตาทุเรียง เมืองเก่าสุโขทัย ประจำปีงบประมาณ 2559 มีการพบเครื่องสังคโลกที่มีลวดลายสวยงามเป็นพิเศษ ได้แก่ พานลายดอกบัว ประกอบพันธุ์พฤกษา , ลายปลาสี่ตัว , ลายปลาคาบช่อพฤกษา แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่สมดั่งคำในศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" จิตรกรชาวสุโขทัยจึงได้รังสรรค์ลวดลายปลาเอาไว้บนชามสังคโลกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้กรมศิลปากรได้ส่งตัวอย่างถ่านไม้ที่ขุดพบในชั้นดินที่มีกิจกรรมเดียวกันกับที่พบชามสังคโลกโบราณจากหลุมขุดค้นทางโบราณคดี โดยส่งไปยังห้องปฏิบัติการกำหนดอายุด้วยเรดิโอคาร์บอนของมหาวิทยาลัยไวกาโต้ (The University of Waikato Radiocabon Dating Laboratory) ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อทำการศึกษาหาค่าอายุของชามสังคโลก ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยการหาค่าอายุคาร์บอน-14 ด้วยวิธี AMS Dating (Accelerator mass spectrometry) เป็นวิธีที่มีจุดเด่นตรงที่ใช้ตัวอย่างถ่านเพียง 1-2 มิลลิกรัมเท่านั้น ก็สามารถหาค่าอายุได้ ซึ่งอายุที่ได้มีค่าคลาดเคลื่อนเพียง 10-15 ปีเท่านั้น ตัวอย่างถ่านจากแหล่งเตาทุเรียงเมืองเก่าสุโขทัยนั้น ได้ส่งไปกำหนดค่าอายุ จำนวน 2 ตัวอย่าง จากหลุมขุดค้นที่ 1 จำนวน 1 ตัวอย่าง และหลุมขุดค้นที่ 2 จำนวน 1 ตัวอย่าง ซึ่งตัวอย่างทั้ง 2 ตัวอย่างนั้นมาจากชั้นวัฒนธรรมชั้นล่างสุดที่มีการเริ่มใช้พื้นที่เป็นครั้งแรก ตัวอย่างถ่านจากหลุมขุดค้นที่ 1 สามารถกำหนดอายุได้ 629 ปี คำนวณตามหลักการตรงกับ ค.ศ.1321 หรือ พ.ศ.1864 หรือในสมัยพญาเลอไทย และตัวอย่างถ่านจากหลุมขุดค้นที่ 2 สามารถกำหนดอายุได้ 640 มาปี คำนวณตามหลักการตรงกับ ค.ศ.1310 หรือ พ.ศ.1853 หรือในสมัยพญาเลอไทยเช่นกัน ลวดลายสังคโลกโบราณที่สืบสานกันต่อมา : ลวดลายที่พบบนเครื่องถ้วยชามสังคโลกนั้น มีลายเทคนิคทั้งการเขียนลายนูนเป็นรูปดอกไม้และพันธุ์พฤกษา และเคลือบสีเขียวไข่กาของกลุ่มเตาเกาะน้อย ซึ่งพัฒนาเทคนิคจนมีความสวยงามอย่างน่าทึ่ง ลวดลายต่างๆที่พบในชามนั้นแตกต่างไปจากรูปแบบลวดลายชามที่พบจากเครื่องถ้วยนำเข้า และการเขียนลายด้วยสีน้ำตาลหรือสีดำก่อนเคลือบใส โดยช่างผู้เขียนลวดลายสามารถนำสิ่งรอบตัวมาประยุกต์เป็นลวดลายเฉพาะของสังคโลกได้อย่างสวยงาม ดังจะพบลวดลายแปลกๆ บนถ้วยชามอาทิ รูปบ้าน กุ้ง หอยสังข์ เต่า กระทง รูปคน ปลาหลากหลายชนิด แต่ลวดลายที่พบมากที่สุดคือลายปลา
นายเคียง ชำนิ นักประวัติศาสตร์สุโขทัย เปิดเผยว่า ลวดลายต่างๆที่ปรากฏบนเครื่องสังคโลกนั้น ล้วนแต่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะลายปลาซึ่งมีการกล่าวถึงความอุดมสมบูรณ์ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 18-19 ความว่า..."เมื่อชั่วพ่อขุนรามคำแหง เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" โดยถ้อยคำดังกล่าวนี้อาจดูว่าเป็นคำในเชิงอุดมคติ ทว่ายังคงเป็นรากฐานให้แก่คำไทยในปัจจุบัน อันได้แก่ ความมีอัธยาศัยไมตรีที่ดีของคนสุโขทัย ซึ่งมักจะกล่าวทักทายถามไถ่กันถึง "กินข้าว-กินปลา มาหรือยัง? โดยอีกหลักฐานหนึ่งที่กล่าวถึงความอุดมสมบูรณ์ ได้แก่ ข้อความอันปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 8 ของพญาลิไท ด้านที่ 3 บรรทัดที่ 16 -17 ความว่า "...แต่สองแควเท้ามาสุโขไท..อ.ง ไร่ นา ปลูกหมาก ปลูก...ไพรยา หวาย ทปลาหากิน...เนื้อทุกแห่ง.." โดยข้อความได้เล่าถึงถนนหนทางจากพิษณุโลก-สุโขทัยนั้นผ่านไร่ผ่านนา มีการปลูกว่านยาสมุนไพร มีท่อปลา ซึ่งอาจหมายถึงอุปกรณ์หาปลาโดยสามารถหาปลาได้ง่ายสมดั่งคำ "เอียนเนื้อ หรือเย็นเนื้อ-เย็นใจ" ในความอุดมสมบูรณ์นี้ส่งมาถึงลวดลายปลาบนชามสังคโลก ซึ่งมีลวดลายปลาหลากชนิด ทั้งปลาตะเพียน ปลาช่อน ปลากราย ปลาหมอ ฯลฯ จากหลักฐานจารึกลายสือไทบนชามใบหนึ่ง ปรากฏคำว่า "แม่ปลาก่า" อันเป็นคำเรียกปลาในกลุ่มปลาหมอในอากัปกริยากางก้างกระโดงและแถกเหงือก ว่าคือ "ปลาก่า กางก้างกระโดง เหมือนกิ้งก่า" โดยลักษณะลายเส้นภาพปลานั้นพบว่าเป็นปลาที่มีลำตัวอวบอ้วน มีเกล็ดขนาดใหญ่ และบางภาพมีการวาดปลาคาบต้นพันธุ์ไม้น้ำอย่างสวยงาม
ประติมากรรมปลาสังคโลกของแผ่นดินพระร่วง เชื่อมการพัฒนากิจกรรมท่องเที่ยว และสินค้าที่ระลึกแบรนด์มรดกพระร่วง : องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร (อพท.4) ในฐานะหน่วยงานพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม จึงนำเอาประโยชน์จากมรดกวัฒนธรรมมาต่อยอดสร้างคุณค่า และสืบสานอนุรักษ์เพื่อสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น เครื่องปั้นดินเผาสังคโลกเป็นหนึ่งในศาสตร์และศิลป์ ที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษจากอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ลวดลายปลาสังคโลกนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นลายพิเศษสุด อันถือเป็นเอกลักษณ์ของสังคโลกที่เป็นความภาคภูมิใจของคนท้องถิ่น
นายประครอง สายจันทร์ รักษาการผู้จัดการ อพท.4 กล่าวว่า ปลาสังคโลกของแผ่นดินพระร่วง ประติมากรรมงานศิลปะขนาดใหญ่กว่า 2.7 เมตร ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นสืบเนื่องจากการจัดงานชุมชนอุทยานตำนานศิลป์ วันสังคโลก ครั้งที่ 1 เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ซึ่ง อพท.ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวและประชาชนในสุโขทัยและกำแพงเพชร ร่วมกันพิมพ์เกล็ดปลานำไปเผาเคลือบสีเขียวน้ำผึ้ง สีเดียวกับเครื่องสังคโลกโบราณของเมืองศรีสัชนาลัย ที่ขุดพบเป็นส่วนใหญ่และเป็นสีเอกลักษณ์ที่เกิดจากวัตถุดิบท้องถิ่น แล้วจึงนำเกล็ดจำนวนทั้งสิ้น 998 ชิ้น ไปประกอบเป็นปลาสังคโลกขนาดใหญ่ โดยศิลปินท้องถิ่นได้รับแรงบันดาลใจจากชามสังคโลก ที่มีการเขียนลายปลาสีดำใต้น้ำเคลือบเป็นรูปปลาตัวอวบอ้วน ที่มีจารึกลายสือไทคำว่า “แม่ปลาก่า” ซึ่งน่าจะเป็นชื่อชนิดของปลาในแม่น้ำยม ที่ช่างโบราณได้นำเอาสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวมาสร้างสรรค์ไว้ ทั้งนี้ อพท.คาดหวังให้งานศิลปะชิ้นนี้จะสื่อแสดงถึงคุณค่าแห่งงานศิลปะของวัตถุโบราณที่เรียกว่าสังคโลก สะท้อนถึงวิถีชีวิตในอดีตและเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือร่วมใจกันของคนสุโขทัยและกำแพงเพชร ลูกหลานพระร่วงที่ได้การน้อมรำลึกถึงมรดกทางวัฒนธรรม และจักหวงแหนวัฒนธรรมนี้ไว้ให้แก่กลุ่มคนรุ่นหลังสืบไป
นายภัทรพงษ์ เก่าเงิน หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย กล่าวว่า ศรีสัชนาลัยเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญควบคู่กับเมืองสุโขทัยมาแต่ครั้งอดีต โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เมืองศรีสัชนาลัยยิ่งใหญ่นั้น มาจากการเป็นแหล่งอุตสาหกรรมผลิตเครื่องปั้นดินเผา หรือเครื่องสังคโลกที่สำคัญของภูมิภาค มีการนำเครื่องสังคโลกจากเมืองศรีสัชนาลัยออกจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สร้างความมั่งคั่งให้กับเมืองศรีสัชนาลัยเป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงปี พ.ศ. 2527–2532 กรมศิลปากรได้ทำการขุดค้นศึกษาเตาเผาสังคโลก สำรวจพบซากเตาจำนวนมากกว่า 100 เตา จึงได้ก่อสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์และศึกษาเตาเผาเครื่องสังคโลกขึ้น เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบของเตา วิวัฒนาการของการผลิตเครื่องสังคโลก ตลอดจนข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง ข้อเท็จจริงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยเมื่อปี พ.ศ. 2559 จำนวน 259,592 คน มีผู้มาเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์และศึกษาเตาเผาเครื่องสังคโลกแห่งนี้เพียง 3,615 คน ซึ่งคิดเป็นเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เศษจากจำนวนผู้เข้าชมอุทยานฯทั้งหมด อาจด้วยระยะทางที่ห่างจากบริเวณกลุ่มโบราณสถานหลักของอุทยานฯ ประมาณ 5 กิโลเมตร ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ทราบ หรือไม่อยากเดินทางมา ดังนั้นเมื่อ อพท.ได้สร้างสรรค์ประติมากรรมปลาสังคโลกขึ้น จึงเห็นสมควรอย่างยิ่งที่จะนำมาติดตั้งเป็นแลนด์มาร์คของศูนย์อนุรักษ์และศึกษาเตาเผาเครื่องสังคโลกแห่งนี้ เพื่อใช้เป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากมาพบเห็นงานประติมากรรมปลาสังคโลกขนาดใหญ่ และจะได้มีโอกาสได้เข้าชมและรับข้อมูลอันทรงคุณค่าภายในศูนย์แห่งนี้
นายปิติ แก้วสลับสี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า จังหวัดสุโขทัยและกำแพงเพชรเป็นเมืองแห่งศาสตร์และศิลป์ ที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และมรดกวัฒนธรรมที่สืบทอดมาสู่ชนรุ่นหลัง ซึ่งคำว่า “สังคโลก” เป็นคำเฉพาะของคนที่เกิดในแผ่นดินพระร่วงอย่างแน่นอน สังคโลกคือศาสตร์ของการใช้ดิน น้ำ ไฟ มาสร้างสรรค์งานศิลป์ สิ่งที่อยู่ในสายเลือดของช่างฝีมือท้องถิ่น สำหรับพิธีการเปิดแลนมาร์คประติมากรรมปลาสังคโลกนี้ ใช้วิธีการโปรยข้าวตอกดอกไม้ เป็นการแสดงความเคารพที่เป็นมงคล มีความหมายที่ดี แสงความเคารพในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเพื่อสืบสานให้ดำรงอยู่ต่อไป
ทั้งนี้การสร้างแลนด์มาร์คด้วยประติมากรรมปลาสังคโลก เป็นผลงานส่วนหนึ่งจากการพัฒนากลยุทธ์การสร้างแบรนด์ในรูปแบบ Destination Brand หรือแบรนด์แหล่งท่องเที่ยวด้วยชื่อ “แบรนด์มรดกพระร่วง” เมื่อได้ค้นหา DNA หรือสิ่งที่อยู่สายเลือดของผู้คนในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีความผูกพันกับประวัติศาสตร์แห่งราชวงศ์พระร่วง ตำนานพระร่วง และมรดกวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดมาพัฒนาเป็นแบรนด์ ด้วยการร้อยเรียงเรื่องราวต่างๆเข้ากับสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรมท่องเที่ยว และสินค้าที่ระลึก ซึ่ง อพท.ได้พัฒนาผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้พัฒนาสินค้าที่ระลึกภายใต้แบรนด์มรดกพระร่วง ปีล่าสุดมีผลิตภัณฑ์หลายประเภทในคอลเลคชั่นชุด “อุดมสุข” ส่วนใหญ่ได้รับแรงบันดาลใจจากปลาบนเครื่องสังคโลก ทั้งเครื่องประดับจากเงิน เครื่องประดับจากผ้าทอตีนจก เสื้อยืดที่เขียนลายด้วยมือทีละตัว กระเป๋าผ้า กล่องไม้สัก งานสังคโลกประยุกต์ และอื่นๆ โดยขณะนี้จำหน่ายอยู่ที่จุดจำหน่ายสินค้าที่ระลึกแบรนด์มรดกพระร่วงจำนวน 4 แห่ง ในจังหวัดสุโขทัยและกำแพงเพชร นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนากิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ หรือกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้สร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง และจะได้รับผลงานเป็นที่ระลึกกลับไปได้ด้วย ซึ่งจะได้รับประสบการณ์พิเศษที่หาจากที่ใดไม่ได้อีก จากคนในชุมชนที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสิ่งนั้นเป็นวิถีชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เป็นผู้ให้ความรู้และเล่าเรื่องราวของท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเขียนลายสังคโลก การกลับไปเป็นเด็กหัดระบายสีอีกครั้ง ด้วยการจับพู่กันจุ่มสีเขียนลายปลาสังคโลกบนภาชนะ และการเพ้นท์ลายปลาสังคโลกบนเสื้อยืด
ข่าว ภูเบศวร์ ฝ้ายเทศ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.สุโขทัย (ขอบคุณภาพ/ข้อมูลจาก อพท.4)




