อย่าเล่นละครปาหี่!! คดีมาเฟียฮุบวัด“ไพบูลย์ นิติตะวัน”ส่งคนเข้าแจ้งความอดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก-ปิดทางอ้างของคณะสงฆ์-ตำรวจ!?

จากกรณีที่คดีฆ่าสามเณรปลื้ม ฝังดินกลางวัดวังตะวันตก ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหา 4 คน ซึ่งเป็นมาเฟียเข้ามามีอำนาจในวัด โดยมี นส.ปิยฉัตร หรือบิว อรุณสกุล อายุ 40 ปี เป็นหัวหน้าแก๊งและยังมีการตรวจสอบพบเงินสดและทรัพย์สินของวัดถูกมาเฟียกลุ่มดังกล่าวยักยอกไปจำนวนมาก แต่ตำรวจยังไม่สามารถดำเนินการทางคดีใด ๆ ได้โดยอ้างว่ายังไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ในขณะที่เจ้าอาวาสรูปใหม่อ้างปัญหาหมักหมมมานานก็เวลาตรวจสอบรวบรวมทรัพย์สินของวัดอีกระยะหนึ่ง จนเป็นที่วิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางตามที้เสนอข่าวมาแล้วนั้น

 

วันนี้(2 ก.ค.) นายธนพัฒน์ สุขเกษม คณะทำงานเครือข่ายประชาชนเพื่อการปฏิรูป ซึ่งมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต สปท.เป็นประธาน ฯ ได้เดินทางมายัง สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และแสดงตัวเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ให้ดำเนินคดีกับพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานความผิดที่เกี่ยวข้องซึ่งสงสัยว่าอาจมีส่วนร่วม หรือรู้เห็นในการกระทำความผิดของผู้ต้องหาที่ประกอบไปด้วย น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล หรือ “บิว” และนายเด่นชัย ภูมินิยม  หรืออดีตพระเด่นชัย สามี  น.ส.ปิยฉัตร หรือ “บิว” ผู้ต้องหาในคดีฆ่าฝังดินสามเณรศุภโชค เอกเกียรติกุล หรือ “สามเณรปลื้ม”กลางวัดวังตะวันตก ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยขุดพบศพเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา

   หลังแจ้งความนายธนพัฒน์ สุขเกษม กล่าวว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินภายในวัดวังตะวันตก นั้นนายไพบูลย์ นิติตะวัน และคณะทำงานทราบว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถดำเนินคดีใด ๆ ได้ เนื่องจากยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีจากทางวัดวังตะวันตก โดยตำรวจอ้างว่ายังไม่มีการมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่สามารถดำเนินการ ๆ ได้  ตนได้รับมอบหมายให้มาเป็นเจ้าทุกข์ในฐานะเครือข่ายประชาชนเพื่อการปฏิรูป เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้เป็นต้นเรื่อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการในการดำเนินการในคดีนี้ต่อไปได้  ในขณะเดียวกันขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเร่งเปิดตู้เซฟที่อายัดไว้ เนื่องจากเชื่อว่าภายในจะมีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินต่าง ๆ รวมทั้งความผิดที่เกี่ยวข้องกับพระธรรมวินัยและกฎหมายทุกฉบับ อย่างแน่นอน”นายธนพัฒน์ สุขเกษม กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีฆ่าสามเณรปลื้มรวมทั้งการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดวังตะวันตกที่ยักยอกไปจำนวนมาก สร้างความเคลือบแคลงใจสงสัยให้กับชาวพุทธทั่วไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากจนถึงขั้นนี้ไม่มีความชัดเจนใด ๆ ที่ทำให้ประชาชนมั่นใจว่าทั้งตำรวจและคณะสงฆ์จะดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา แม้แต่ในเรื่องการตรวจสอบดีเอ็นเอของศพที่ขุดพบว่าเป็นศพสามเณรปลื้มหรือไม่ มีเพียงการออกมายืนยันจาก พล.ต.ต.วันไชย เอกพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราชว่าดีเอ็นเอตรงกับนางกัญญา มินกระโทก แม่ของสามเณรปลื้ม แต่ยอมรับว่าเป็นการได้รับรายงานทางวาจาเท่านั้น ยังไม่มีเอิกสารหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจน  ส่วนการตรวจสอบอายัดทรัพย์สินของวัดวังตะวันตก รวมทั้งของ น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว และนายเด่นชัย หรืออดีตพระเด่นชัย สามี น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว ก็ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ บัญชีที่ตรวจพบก่อนหน้านี้โดยเฉพาะบัญชีวัด 32 บัญชี มีเงินเหลืออยู่  1.8 ล้านบาท โดยพบว่า น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว มีการถอนเงินจากบัญชีวัดไปหลายครั้ง ๆ ที่มากที่สุดถึง 40 ล้าน  รวมทั้งบัญชีของ น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว มีเงินสดเหลืออยู่ 12 ล้าน ก็ไม่ได้ทีการอายัดใด ๆ เพราะไม่มีเจ้าทุกข์มาแจ้งความกล่าวโทษ ซึ่งแม้น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว และนายเด่นชัย สามีถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ แต่บัญชี น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว กลับมีความเคลื่อนถูกถอนออกไปครั้งละหลายแสนในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาพบว่าถูกถอนออกไป 3-4 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจนถึงขณะนี้เงินในบัญชี น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว น่าจะถูกยักย้ายถอนออกไปหมดทั้ง  12 ล้านบาทแล้วก็ได้

“พระภิกษุสงฆ์ระดับรองเจ้าอาวาสรูปหนึ่งในย่านกลางเมืองนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าตำรวจและคณะสงฆ์กำลังทำอะไรกันอยู่ เรื่องฉาวโฉ่ขนาดนี้ ตรวจพบความผิดปกติในเงินและทรัพย์สินของวัดแทนที่จะเร่งดำเนินการโดยเร็วเพื่อไม่ให้เงินและทรัพย์สินถูกยักย้ายถ่ายเทไปมากกว่านี้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินการไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในช่วงแรกรีบปลดพระเทพสิริโสภณออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่แต่งตั้ง ดร.พระครูพรหมเขตคณารักษ์ (ชัยสิทธิ์) เจ้าอาวาสวัดสระเรียงมารักษากรรเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก และหลังจากนั้นเพียง 2 วันแต่งตั้ง ดร.พระครูพรหมเขตคณารักษ์ (ชัยสิทธิ์) เป็นเจ้าอาวาสทันที อ้างว่าต้องรีบดำเนินการเพื่อให้การตรวจสอบทรัพย์สินวัดเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะแม้จะพบทรัพย์สินของวัดถูกยักยอกไปจำนวนมาก แต่ดำเนินการใด ๆ ไม่ได้อ้างว่าไม่มีเจ้าทุกข์  แต่เมื่อแต้งตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่เรีบร้อนแล้วทุกอย่างกลับหยุดอยู่กับที่

 “เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนเจ้าอาวาสรูปใหม่ออกมาคร่ำครวญว่าสื่อมวลชนและกระแสสังคมมองว่าดำเนินการล่าช้า โดยระบุว่าปัญหาหมักหมมมานานนับ 10 ปี จะให้เข้ามาดำเนินการให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยภายในวัยสองวันได้อย่างไร ต้องขอเวลาตรวจสอบทรัพย์สินวัดอีกระยะหนึ่ง ขณะนี้ผ่านมา 2 อาทิตย์ยังไม่เรียบร้อย ไม่เสร็จสิ้นหรืออย่างไร ความจริงพบอะไรที่ถูกยักยอกไปแค่ชิ้นเดียวก็แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษทันที แต่พบทะเบียนวัด ตราประทับของวัด ใบสุทธิพระ และอื่น ๆ ที่บ้าน น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว ตั้งแต่อาทิตย์แรกหลังพบศพสามเณรปลื้มน่าสงสัยว่าทำไมไม่แจ้งความ 

ทางสำนักศิลปากรที่ 14 ก็เข้ามาร่วมตรวจสอบพบทรัพย์สินโบราณล้ำค่าของวัดหายไปหลายรายการ แต่เจ้าอาวาสในฐานะเจ้าทุกข์ก็เฉยไม่แจ้งความ อยากขอความรู้จากนักกฎหมาย ทนายความว่า ชาวพุทธทุกคนสามารถเป็นเจ้าทุกข์แจ้งความได้หรือไม่หากชาวพุทธทุกคนเป็นเจ้าทุกข์ได้ อาตมาเชื่อว่าคนนครศรีธรรมราชนับแสนนับล้านคนจะแห่ไปแจ้งความจนโรงพักพังแน่  กับอีแค่วัดวังตะวันตกวัดเดียวยังทำให้โปร่งใส ลดกระแสความสงสัยของชาวพุทธไม่ได้  แต่พบว่าคณะสงฆ์และทหาร มทบ. 41 กลับยกกำลังเข้าไปจัดระเบียบวัดอื่น ๆ ทั่วจังหวัด 2 ล็อตรวม  11 วัด อาตมาขอยืนยันว่าตราบใดที่ไม่สามารถขจัดความสงสัยในการดำเนินการวัดวังตะวันตกไม่ได้ คงไม่มีใครในสังคมเขาเชื่อว่าจะเอาจริงเอาจังกับวัดทั้งจังหวัดจังหวัดนครศรีธรรมราช เกือบ 700 วัดได้  หากไม่รีบหยิบฉวยวิกฤติที่เกิดขึ้นนำมาเป็นโอกาสในการแก้ปัญหา นอกจากจะไม่เปิดประโยชน์ปัญหาใด ๆ ต่อพระพุทธศาสนาแล้วยังเป็นการเพิ่มพูนปัญหามากขึ้นอีก ถ้าหวังเพียงเล่นละครปาหี่พบตาชาวพุทธอย่างเดียว  อย่าลืมว่ากระแสสังคมขับตาติดตามการกระทำ ความเคลื่อนไหวทุกระยะ ทุกเรื่องอย่างใกล้ชิด.

ภาพ/ข่าว ไพฑูรย์  อินทศิลา  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  สำนักข่าวทีนิวส์   จ.นครศรีธรรมราช