- 06 ก.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีที่มีผู้ทำหนังสือเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ใช้อำนาจสั่งยุติโครงการบูรณะหลักเมืองทันที โดยอ้างว่าโครงการบูรณะฯศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชกลายเป็นการลอบดัดแปลงตกแต่งต่อเติมด้วยรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นการทำลายอัตลักษณ์แบบเดิมในการก่อสร้างตามแบบศรีวิชัย รวมทั้งหลักความเชื่อจักรวาลทัศน์ และตำแหน่งดวงดาว ที่อยู่บนเพดานเหนือเสาหลักเมืองถูกรื้อออกจนหมด มีการต่อเติมใหม่เช่นการนำเอาเสาหินอ่อนคล้ายเสาแบบโรมันจำนวน 12 ต้นมาต่อเติมขึ้น พร้อมทั้งสร้างพระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่ขึ้นประดิษฐานบนซุ้มเรือนยอดศาลหลักเมืองอย่างผิดปกติแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน จนกลายเป็นกระแสข่าวอย่างกว้างขวางนั้น
(6 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (5 ก.ค.) นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปตรวจดูการบูรณะฯศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช โดยมีนายอนุวัตร ศรีไสยเพชร” หรือ “บี บ่อล้อ” เซียนพระชื่อดังในเมืองนครศรีธรรมราช ในฐานะตัวแทนเจ้าสัววิชัย ผู้บริจาคเงิน นายพรชัย วัฒนวิกย์กิจ หรือ “อาจารย์เปี๊ยก” และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ให้การต้อนรับและอธิบายในรายละเอียดการบูรณะ อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชน โดยอ้างว่าจะให้รายละเอียดหลังการประชุมในเวลา 10.30 น.ของวันนี้ ( 6 ก.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในขณะที่ผู้ว่าฯและผู้บังคับการฯ อยู่ในบริเวณศาลหลักเมืองได้เกิดปรากฏการณ์ที่สร้างความแตกตื่นฮือฮาคือปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกรด ซึ่งเคยเกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 2554-2551 เกือบทุกครั้งที่มีการประกอบพิธีมหาพุทา-เทวาภิเษกวัตถุมงคลหลักเมืองนครศรีธรรมราช หรือ “จตุคาม-รามเทพ”ถูกต้องตามหลักโบราณประเพณี โดยก่อนที่จะเกิดพระอาทิตย์ทรงกลดก้อนเมฆสีขาวที่บดบังดวงอาทิตย์ถูกลมพัดกรรโชกจนเคลื่อนออกไปจนเห็นดวงอาทิตย์สาดส่องแสงจ้า ก่อนจะเกิดเป็นวงรอบดวงอาทิตย์เป็นเวลานานนับ 10 นาทีค่อยจะค่อย ๆ จางหายกลับกลายเป็นปกติ ซึ่งปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดดังกล่าวเชื่อว่า เทพยดาฟ้าดินเบื้องบนได้แสดงอิทธิฤทธิ์เพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรบางอย่าง
สำหรับเรื่องการบูรณะฯศาลหลักเมืองในครั้งนี้กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชนำมาเป็นประเด็นในการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยกับการบูรณะฯ ศาลหลักเมืองเนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาในเรื่องงบประมาณในการบูรณะฯซ่อมแซมมาโดยตลอดทำให้ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม ทั้งๆ ที่เป็นหน้าตาของบ้านเมืองและเป็นศูนย์รวมใจคนทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงวัตถุมงคลศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช หรือ "จตุคาม-รามเทพ”ฟีเวอร์สามารถสร้างเม็ดเงินพยุงเศรษฐกิจของประเทศได้มากถึงกว่า 5 หมื่นล้านแต่คนที่ได้ประโยชน์ไม่เคยเสียสละบริจาคเงินเพื่อพัฒนาปรับปรุงบูรณะฯซ่อมแซมศาลหลักเมืองอย่างจริงจังเลย ในขณะที่เจ้าสัววิชัย ไม่ใช่คนนครศรีธรรมราช แต่มีความเคารพศรัทธาศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ยอมเสียสละเงินมากถึง 30 ล้านเพื่อให้มีการบูรณะ ฯศาลหลักเมืองและยังประกาศจัดเจนว่าหาก 30 ล้านไม่เพียงพอ จะบริจาคเพิ่มเติมโดยไม่จำกัดจำนวน ชาวนครศรีธรรมราชน่าจะภาคภูมิใจ ดีใจและยกย่องชื่นชมเจ้าสัววิชัย แต่กลับนำมาเป็นประเด็นโจมตีให้ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น เป็นภาพลักษณ์ที่ติดลบกับคนนครศรีธรรมราชทั้งหมด ในอนาคตจะไม่มีใครกล้าเสียสละบริจาคเงินทำอะไรเพื่อส่วนรวมในจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกอย่างแน่นอน
ผู้ใกล้ชิดเจ้าสัววิชัย กล่าวว่า ทางเจ้าสัววิชัย ไม่คาดคิดมาก่อนว่าความตั้งใจจริง เพราะมีความเคารพศรัทธาหลักเมืองนครศรีธรรมราชอย่างแท้จริง จึงที่ยอมเสียสละเงินหลายสิบล้านเพื่อพัฒนาปรับปรุงบูรณะฯศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ให้สวยงาม มั่นคงแข็งแรง โออ่าอลังการเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวนครศรีธรรมราชแต่กลับได้รับผลตอบแทนเช่นนี้ โดยในขั้นตอนต่อไปจะรื้อสิ่งที่บูรณะฯทิ้งตามความต้องการของกลุ่มที่ร้องเรียนโจมตีหรือไม่ก็พร้อมที่จะดำเนินการทั้งหมด ใช้เงินไปแล้ว 30 ล้านจะต้องใช้จ่ายอีกอีกสิบล้านก็จะดำเนินการจนแล้วเสร็จตามที่คณะกรรมการ หรือผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชสั่งการ จากนั้นจะประกอบพิธีสมโภชครั้งใหญ่ก็ถือว่าหมดสิ้นภารกิจ และ “ต่อไปหากไม่จำเป็นจะไม่เดินทางมาเหยียบผืนแผ่นดินนครศรีธรรมราชอีก” เพราะเขาดำเนินการทุกอย่างถูกต้องทางผู้แทนบริษัท คิงเพาเวอร์ ขออนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบคือเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช เพื่อขอบูรณะปรับปรุงศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2560 โดยมอบหมายให้บริษัท หินอ่อน จำกัด เป็นผู้บูรณะฯซึ่งทางเทศบาลได้อนุญาตให้บูรณะได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นไป
“เขาดำเนินการตามขั้นตอนถูกต้อง และการอธิบายชี้แจงรายละเอียดขั้นตอนในที่ประชุมของจังหวัดเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งมีนายสกล จันทรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นประธานทุกฝ่ายก็เข้าใจได้ว่าเป็นการสมควรแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการบูรณะฯศาลหลักเมือง และการบูรณะฯไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญให้ผิดเพี้ยนไปแม้แต่น้อย โดยเฉพาะในส่วนของเสาหลักเมืองไม่มีใครกล้าแตะต้อง ทุกอย่างทำเพื่อให้แข็งแรง มันคงถาวร ดูดีโออ่ามีราศี ในส่วนพระพุทธรูปปางลีลาที่มีผู้บอกว่าไม่เกี่ยวกับพุทธศาสนา หากใครมีรูปเก่า ๆ พบว่ามันมีอยู่เดิมแล้ว ส่วนการติดตั้งเสาหินอ่อน 12 ต้นนั้นเป็นการทอนสเกล เป็นเสาแบบไทยแต่นำเข้าหินอ่อนจากอิตาลี ไม่ใช่เสาโรมัน ทั้งนี้เพื่อให้มีความสง่างาม มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน เน้นวัสดุที่ได้มาตรฐานและมีความคงทนถาวร ยังคงยึดถือศิลปกรรมแบบศรีวิชัยเช่นเดิม ไม่ได้ต่อเติมอะไรเกินความเป็นจริง และให้ช่างฝีมือในท้องถิ่นร่วมด้วย โดยเฉพาะนายพรชัย วัฒนวิกย์กิจ หรือ “อาจารย์เปี๊ยก” ซึ่งเป็นคณะผู้ร่วมสร้างศาลหลักเมืองตั้งแต่ครั้งแรกในปี 2530 เช่นเดียวกับบานประตูศาลหลักเมืองถูกน้ำฝนจนชำรุดเสียหายจึงได้จัดหาไม้ตะเคียนแผ่นเดียวมาทำแล้วมีการใช้แผ่นสังกะสีดุนลายองค์เทพปิดทับเพื่อไม่ให้บานประตูโดนฝนอีก ทำให้มีความคงทนถาวรโดยใช้ศิลปะการสลักดุนซึ่งเอกเอกลักษณ์ในท้องถิ่นมาแต่โบราณเช่นกัน ส่วนเสาหลักเมืองไม่ได้ไปแตะแม้แต่น้อย และได้ทำที่ครอบสวมปิดไว้อย่างดีเพื่อไม่ให้ฝุ่นละอองหรือวัสดุใดๆ ไปกระทบได้
ผู้ใกล้ชิดเจ้าสัววิชัย กล่าวอีกว่า สิ่งที่ได้ต่อเติมเข้าไปใหม่ในการบูรณะครั้งนี้ ซึ่งแต่เดิมไม่มี เช่น เกร็ดงู คันทวย และพระพุทธรูปปางลีลา ล้วนเป็นของเดิมที่เคยคิดไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างศาลหลักเมืองครั้งแรก แต่เนื่องจากในขณะนั้นมีงบประมาณที่ได้จากการบริจาคของผู้ศรัทธาซึ่งมีเพียง 5 ล้านบาท แต่งบประมาณที่ต้องใช้จริงถึง 8 ล้านบาท ทำให้ไม่เพียงพอในการก่อสร้างตามเป้าหมายทั้งหมด ส่วนที่มีการสังเกตว่าบนฝ้าเพดานมีการเก็บองค์จตุคามรุ่นปี 2530 และผ้ายันต์ไว้ มีผู้เอาไปหรือไม่นั้น องค์จตุคามและผ้ายันต์เก็บไว้บนชั้นสองของศาลหลักเมืองมีการฉาบปูนปิดทับไว้ ไม่มีใครเข้าไปเอาออกมาได้ แต่ทุกอย่างกลับถูกอธิบายด้วยความรู้สึกว่าไม่เหมือนเดิม หากบอกว่าให้ทำกลับมาให้เหมือนเดิมแล้วจะมาบูรณะ ฯทำไม ปล่อยไว้ให้ฝนรั่วซึมเข้ามาด้านใน ประตูไม้ที่ถูกฝนจนเปื่อยผุพังก็ปล่อยไว้อย่างนั้น พระยานาคเดิมไม่มีเกล็ดทำให้มีเกล็ดสวยงามขึ้นกลับถูกอธิบายว่านาคไม่ต้องมีเกล็ดเพราะบ้านเมืองสงบไม่รบราฆ่าฟันกับใคร แม้แต่พระยานาคก็ไม่ต้องมีเกล็ด มันมีที่ไหนนาคไม่มีเกล็ด ไม่ใช่ปลาไหลหรืองูดิน หรืออะไรต่อมิอะไรมากมายที่พยายามอธิบายคัดค้าน จนกลายเป็นว่าไม่ให้แตะต้องใด ๆ เลยหรืออย่างไร
“หากไปแตะต้องหรือเปลี่ยนเสาหลักเมืองใหม่ หรือในส่วนสาระสำคัญอื่น ๆ แล้วมีคนออกมาทักท้วงคัดค้านจะไม่มีใครว่าเลย แต่ทุกคนที่ตั้งใจทำ ตั้งใจบริจาคเพื่อทำให้ดีที่สุดบนพื้นฐานของความเคารพศรัทธา และคงไม่มีใครกล้าทำอะไรที่ไม่ดี ลบลู่ศาลหลักเมืองแน่ งบประมาณของทางราชการไม่มีที่จะพัฒนาปรับปรุง บูรณะ ฯซ่อมแซม แต่มีคนจากต่างพื้นที่เสียสละบริจาคให้มากถึงขนาดนี้กลับถูกประณามโจมตีจนเสียหาย ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย อยากให้คนนครศรีธรรมราชใช้สติพิจารณาไตร่ตรองในเรื่องนี้ด้วย และการออกมาร้องเรียนมากลุ่มไหน ใครอยู่เบื้องหลัง เพราะสาเหตุใด เรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างแน่นอน ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไรความเสียหายและไม่เป็นผลดีต่อภาพรวมของบ้านเมืองมันได้เกิดขึ้นกับชาวนครศรีธรรมราชไปเรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้นายสัมพันธ์ ทองสมัคร อดีต รมว.ศึกษาธิการและอดีต สส.ปชป.นครศรีธรรมราชหลายสมัย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นผู้ร่วมบุกเบิกก่อสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่าการสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชมาตั้งแต่ปี 2529 ก็มีการประชุมทั้งจังหวัดว่าสร้างสิ่งมีค่าทางประวัติศาสตร์ ก็มีการสร้างหลักเมืองขึ้นมา และเป็นขั้นตอนมาเรื่อยจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์และอัญเชิญหลักเมืองไปให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงเจิมที่สวนจิตรลดา หลังจากนั้นก็โปรดเกล้าให้ ร.10 มาทรงเปิดศาลหลักเมือง ก็ถือว่าศาลหลักเมืองเป็นของบ้านเมืองตลอดมา แต่จากการไปดูการบูรณะซ่อมแซมใหม่ค่อนข้างไม่เห็นด้วยในการทำอย่างนั้น ในขณะที่เขาสร้างเขาซ่อมเขาปิดไม่ให้ใครเห็นหรือเข้าไปดูได้เลย ศาลหลักเมืองเป็นสมบัติของประชาชนเขาอยากรู้การซ่อมทำอย่างไร แม้แต่การซ่อมพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชเขายังเปิดให้คนดูเลย เมื่อตนเข้าไปดูมีหลายอย่างที่ไม่ถูกต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่เช่น เสาหิน 12 เสาภายในศาลหลักเมือง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเอาเสาเสริมให้เพดานมั่นคงเพราะว่ามั่นคงอยู่แล้ว การสร้างตามแบบโบราณเขาคำนวณไว้เสร็จแล้วทำยังไงมันก็ไม่พัง เอาระเบิดไปปามันก็ไม่พัง คนโบราณเขาทำถูกต้องไว้แล้ว อันนั้นคือสิ่งแรกที่ไปเห็นกับตา เพราะฉะนั้นเสา 12 ต้นนี้ต้องเอาออกไป
อันที่ 2 ที่ทำขึ้นมาคือบานประตู ซึ่งบานประตูเดิมที่เขาบอกว่าชำรุดเมื่อชำรุดก็ซ่อม ไม่ใช่เอาภาพเทวดาอัดกับโลหะแล้วอัดนูนเข้าไปแปะเอาไว้ ซึ่งมันไม่ใช่แนวทางแบบหลักเมืองนครศรีธรรมราช นครศรีธรรมราชคงจะไม่ให้คนไปจับหน้าเทวดาทุกวันไม่ได้ต้องเข้าใจ เพราะฉะนั้นสิ่งนี ต้องเอาออกไป อย่างที่ 3 หลักเมืองไม่ได้เป็นของศาสนาพุทธ ทุกศาสนาสามารถคารวะหลักเมืองได้ทั้งนั้น แล้วแต่สภาพจิตใจของแต่ละคนที่เขามาเห็น เขาเห็นเขาสบายใจเราถือว่าหลักเมืองถูกต้อง แต่ได้นำพระพุทธรูปขึ้นไปปรากฏขึ้นข้างบน อันนั้นต้องอัญเชิญลงมาข้างล่าง อันที่ 4 คือเขาบอกว่าพญานาคอันเดิมไม่มีเกล็ด แสดงว่าเขาไม่รู้เรื่อง พญานาคนั้นที่เขาทำที่หลักเมืองนั้นหมายถึงเมื่อหลักเมืองเสร็จเรียบร้อยบ้านเมืองปกติ ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขไม่เกิดศึกสงครามนาคไม่ต้องที่จะแผ่เกล็ด เพื่อที่จะไปรบราฆ่าฟันกับใครตามความเชื่อของโบราณ
นายสัมพันธ์ ทองสมัคร หรือ “หมอผี” กล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นคนที่อ้างว่าเคยทำหลักเมืองมาอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าไปเข้าใจผิดเพราะบางเรื่องทำไม่ถูกต้องก็มีเยอะ วิศวกรที่เขาเขียนเราไม่โทษวิศวกรเพราะคนที่ให้เขียนนั้นเป็นใคร เขียนเสาหลักเมืองเป็นหินอ่อนขึ้นมาเป็นใคร ใครเป็นคนจ้างให้เขียนเขากำลังสืบอยู่ จ้างไปเพื่ออะไรทำเพื่อวัตถุประสงค์ใด ทำลายจิตใจคนนครศรีธรรมราชและคนทั้งชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนไม่สบายใจว่าเมืองนครศรีธรรมราชเป็นยังไงกันอีก ซึ่งพรุ่งนี้(6กค.)ทางผวจ.นครศรีธรรมราชโทรมาหาตนว่าพรุ่งนี้จะเชิญประชุมเรื่องนี้กับผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย คือถ้าจะเอาเรื่องจริงๆก็ดำเนินการได้ แจ้งความดำเนินคดีก็ได้ แต่รอฟัง ผวจ.นครศรีธรรมราชว่าจะเอายังไง และต้องสั่งหยุดดำเนินการโดยเด็ดขาดไว้ก่อนและปรับให้เหมือนเดิม ซึ่งต้องทำสภาพให้เหมือนเดิม เพราะที่ทำอย่มันไม่ได้ซ่อม โดยนายสายัณห์ ยุติธรรม อดีตประธานสภา อบจ.นครศรีธรรมราชไปยืนหนังสือกับศาลปกครองให้มีคำสั่งยุติการต่อเติมก่อสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาไต่สวนของศาลปกครองอยู่
“ทางเลขา ฯเจ้าคุณธงชัยโทรมาหาผมบอกว่าเจ้าคุณธงชัยเป็นกังวลมาก เพราะว่าท่านไม่ได้ร่วมไม่ได้ดูอะไรเลยและไม่ได้เป็นคนสั่งโน่นสั่งนี่หรือมาสร้างอะไร แต่เมื่อเขานิมนต์มาเวลาปลุกเสกเพื่อต้องการความเป็นมงคลกับวัตถุมงคลที่สร้างท่านก็มา และท่านก็ยังชื่นชมหลักเมืองนครศรีธรรมราชว่าสร้างได้สวยถูกต้องตรงตามลักษณะอุดมสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นเจ้าคุณธงชัยไม่ได้เกี่ยวเรื่องการทำเสาอะไรที่ศาลหลักเมืองในครั้งนี้ เจ้าคุณธงชัยไม่ได้ทำอย่างนี้ ในขณะที่คุณวิชัย เจ้าของบริษัทคิงพาวเวอร์ ยังติดต่อมาคุยกับผมว่าตอนนี้บอกว่าอยู่ต่างประเทศ ถ้ากลับมาแล้วจะพบผมและคุยกับผมบอกว่าด้วยความศรัทธาศาลหลักเมืองนครที่เขาอธิษฐานแล้วเขาชนะฟุตบอล ซึ่งทางผู้ดูแลศาลหลักเมืองต้องการจะบูรณะซ่อมหลักเมืองท่านก็เลยบริจาคทำบุญมาประมาณ30 ล้านบาท ซึ่งตนอยากทราบว่า 30 ล้านโอนเข้าบัญชีใครใครเป็นคนรับผิดชอบ เพราะฉะนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชกับนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชจะต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้เต็มประตู ผมยอมไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมไม่ต้องเอ่ยว่าเป็นใครที่อาจจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ที่มีความเชื่อจากการไปดูหมอดูถึงพม่าที่บอกว่าตระกูลเขาต้องมีเสาค้ำ 12 เสาถึงจะอยู่ได้ ซึ่งเป็นความเชื่อ ตนพูดมากไม่ได้แต่คนทั่วไปรู้ดี พวกนี้เป็นพวกคนชั่วคิดจะเอาเงินบริจาคเพื่อบูรณะ ฯศาลหลักเมืองไปใช้หนี้อย่างนี้คือพวก “จัณฑาล” ผมขอฝากบทกลอนว่า ”อันหลักเมืองนครนี้ศักดิ์สิทธิ์ เคยแผลงอิทธิฤทธิ์ให้คนเห็น แยกคนชั่วคนดีทุกประเด็น คนชั่วนั้นจะพบวิบากกรรมลำบากเอ่ย” .ซึ่งข่าวคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป.
ภาพ/ข่าว ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช




