- 11 ก.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เมื่อวันที่ ( 11 ก.ค. 2560 ) นายกฤษฎิ์พงศ์ แก้วศรีนวม อายุ18 ปี โรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เล่าว่า ในภาคอีสานที่มุกดาหาร มีความเหมาะสมที่จะปลูกต้นอินทผลัม ด้วยสภาพอากาศแห้งแล้ง เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบทะเลทราย และมีสภาพเป็นดินเค็ม และมีฝนตกที่จะหล่อเลี้ยงต้นอินทผลัมที่จะออกผลได้ดี ส่วนการบำรุงรักษาจะให้น้ำหมก จะไม่ใช้ปุ๋ยเคมี การกำจัดศัตรูพืชจะใช้น้ำหมักมะนาว น้ำหมักใบยาสูบ การทำเกษตรต้องมีการวางแผนระบบส่งน้ำทั้งสวน เพื่อให้ต้นไม้ทุกต้นได้รับน้ำเพียงพอ และการทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อให้คุ้มค่าคุ้มทุนมากที่สุด
นายประสิทธิ์ แก้วศรีนวม อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 380 หมู่ 3 บ้านศูนย์ไหม ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นบิดาของนาย กฤษฎิ์พงศ์ เล่าว่า วิธีการปลูก และบำรุงรักษาต้นอินทผลัมนั้น ได้ถ่ายทอดให้ลูกชาย อยากจะให้คนรุ่นใหม่มาสานต่อสวนอินทผลัม เพราะคนรุ่นเราก็คงไม่มีแรงที่จะมาทำการเกษตร ก็เลยได้ถ่ายทอดให้รุ่นลูก เพาะการทำการเกษตรเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากที่สุด ไม่ว่าจะเรียน มีงานทำ หรือไม่มีงานทำ ก็สามารถทำการเกษตรได้ เราก็จะไม่อดอยาก มีพออยู่พอกิน การได้ฝึกเด็ก ๆ มันเป็นการดีในอนาคตของเขา ในทุกวันนี้เราสังเกตเห็นว่าเด็กติดโลกโซเซียลและเข้ามามีบทบาท มีผลต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก เราต้องหากุศโลบายและหาพื้นที่ให้เขาทำกิจกรรมและชี้ให้เห็นว่า การทำเกษตรตามรอย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ท่านทรงสอนไว้การพออยู่ พอกิน คือทำไว้ให้กิน ให้แจกจ่าย และขายได้
นายประสิทธิ์ แก้วศรีนวม เล่าต่อไปอีกว่า สำหรับการปลูกอินทผลัม ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้น้ำมากพอสมควร สำหรับเกษตรกรที่มีความสนใจจะปลูกอินทผลัมต้องให้น้ำเพียงพอ ในช่วงปีแรกเราได้ขุดฝายแม้ว เพื่อกักเก็บน้ำไว้ตลอดทั้งปี เพื่อให้เพียงพอสำหรับต้นอินทผลัม ซึ่งพื้นที่ปลูกเป็นพื้นที่ลาดเอียง ถ้ากักเก็บน้ำไม่ดีก็จะมีปัญหาการบริหารจัดการน้ำได้ และพื้นที่ปลูกตันอินทผลัมนี้ มีการปลูกพืชผสมผสาน อาทิกล้วย ฟักทอง มะนาว และฝรั่ง และในสวนไม่มีการใช้ยาฆ่าหญ้า และปุ๋ยเคมี
จากการศึกษาพบว่าอินทผลัมมีกว่า 600 สายพันธุ์ แบ่งเป็น 3 แบบ คือ แบบกินสด สุกและแห้ง สำหรับคนไทยจะคุ้นเคยการกินผลแห้งมากกว่าผลสด อินทผลัมเป็นพืชที่ชอบอากาศร้อน ต้องปลูกกลางแจ้งที่ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน ชอบน้ำ เจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิตั้งแต่ 7- 40 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมมากที่สุดคือ 32 องศาเซลเซียส
ดังนั้นบนพื้นที่ 20 ไร่ ของสวนนี้ สายพันธุ์ มีทั้งพันธุ์ฮายานี ผลสุกจะมีสีแดงเข้มเหมาะกินสุก และพันธุ์บาฮี ผลสุกสีเหลืองเหมาะกินสด เมื่อเริ่มต้นปลูก จึงเริ่มด้วยการเพาะเมล็ด ก็พบว่ามีความเสี่ยง เพราะอินทผลัมเป็นพืชไม่สมบูรณ์ ต้นตัวเมียออกลูก ส่วนตัวผู้ใช้ผสมเกสร แต่กว่าจะรู้ว่าต้นไหนเป็นต้นตัวเมียหรือผู้ต้องใช้เวลานานพอสมควร และมีความเสี่ยงที่ต้นตัวผู้เยอะ มีโอกาสกลายพันธุ์สูง
ส่วนการปลูก เริ่มจากการเตรียมดิน ในพื้นที่ 7 ไร่ จำนวน 500 ต้น ขุดหลุมให้มีระยะห่างที่เหมาะสมคือ 8x8 เมตร จะปลูกได้ 25 ต้น หรือ 8x10 เมตร หรือ 10x10 เมตร เพื่อให้ต้นได้รับแสงแดดได้เต็มที่ การดูแลใส่ปุ๋ยและให้น้ำสม่ำเสมอ ด้านผลผลิต จะเริ่มให้ผลผลิตเมื่อปลูกเข้าปีที่ 3 ขึ้นไป ให้ผลเต็มที่เมื่ออายุ 8 ปี และแต่ละต้นจะให้ผลผลิตประมาณ 150 กิโลกรัม และต้นมีอายุประมาณ 100 ปี ถือว่าตลาดสดใสมาก เพราะคนไทยนิยมซื้อหามากินกัน
อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจที่ปลูกคือ อยากให้ลูกชายซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ได้รักในอาชีพเกษตรกรรม และได้เรียนรู้ต่าง ๆ ที่ไม่มีในห้องเรียน ช่วงออกแรก ๆ ได้ผลผลิตไม่มาก ปีนี้เป็นปีที่ 2 ได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ราคาขายอยู่ที่ 400-600 บาทต่อกิโลกรัม หากผลผลิตมากขึ้น อาจจะขายกิโลกรัมละ 100 บาท ก็ถือว่าได้กำไรแล้ว ข้อดีของการปลูกอินทผลัม สามารถเก็บขายได้ตลอดทั้งปี เพราะหากขายสุกไม่หมด ก็สามารถทำแห้งขายได้เช่นกัน ปัจจุบันสวนอินทผลัมมุกดาหาร ภูผาเกี้ยะ ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ บ้านคำตุนาง ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เกษตรกรท่านใดสนใจ ศึกษาดูงาน หรือสอบถามที่หมายเลข 094-4802944
นายประสิทธิ์ แก้วสีนวม และ นายกฤษฎิ์พงศ์ แก้วศรีนวม บุตรชาย พร้อมจะถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรที่สนใจในไม้ผล “อินทผลัม” พืชทนแล้ง ศัตรูพืชน้อย ที่สำคัญทิศทางตลาดในอนาคตยังสดใสต่อไป
ภาพ/ข่าว อนุศักดิ์ เสาวภา แสนวิเศษ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.มุกดาหาร