มันคาใจไม่ใช่ความแค้น!! ศึกแข่งขันเรือยาวยังคาใจ 37ปี เดิมพัน 30 ล้าน ในอดีตนัดนี้ขอล้างตาใครกันแน่จ้าวความเร็วแห่งสายน้ำ (ชมคลิป)

วันที่ 15 ส.ค. 2560 นายวีระศักดิ์  วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร , นายพยนต์   อัศวพิชยนต์ ปลัดจังหวัดพิจิตร , นายวิสูตร  บัวชุม ผู้อำนายการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.นครสวรรค์ ,นายสุธนต์  เทียนเฮง ฝ่ายจัดการแข่งขันเรือยาวและไวยาวัจกร วัดท่าหลวง ,พระเมธีธรรมประนาท “ท่านเจ้าคุณปรีชา” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงการจัดงานประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ ลำน้ำน่านหน้าวัดท่าหลวง พระอารามหลวง เริ่มงาน 25 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน 2560 รวม 10 คืน 10 วัน แต่ที่เป็นไฮไลท์ของงาน คือวันเสาร์ที่ 2 และวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2560 ซึ่งจะเป็นวันเปิดสนามแข่งขันศึกชิงจ้าวความเร็วแห่งสายน้ำ นายวีระศักดิ์  วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวถึงประเพณีแข่งเรือยาวของวัดท่าหลวง ว่า มีการแข่งขันเรือยาวมาช้านานเท่าที่มีบันทึกไว้มีมาตั้งแต่ พ.ศ.2450 หรือนับถึงวันนี้ก็จะเป็นการแข่งขันในครั้งที่ 110 จึงนับได้ว่าเป็นการสืบสานประเพณีที่ยิ่งใหญ่และต่อเนื่องด้วยพลังของประชารัฐรวมใจจนทำให้สนามการแข่งขันแห่งนี้มีมนต์ขลังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ต้องมาส่งเสียงเชียร์ นายสุธนต์  เทียนเฮง ฝ่ายจัดการแข่งขันเรือยาวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าในพิธีเปิด คือวันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2560 เวลา 09.30 น. จะมีขบวนเรือพระราชพิธีจำลองพยุหยาตราทางชลมารค อัญเชิญถ้วยพระราชทานมีที่เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งในปีนี้จะมีเรือเข้าร่วมขบวนมากว่า 100 ลำ เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งความยิ่งใหญ่อลังการทางสายน้ำครั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดพิธีเปิดทางสถานีโทรทัศน์NBTช่อง 11 ในช่วงระหว่างเวลา 09.30 – 11.00 น.  เช่นเดียวกับ  นายพยนต์   อัศวพิชยนต์ ปลัดจังหวัดพิจิตร , นายวิสูตร  บัวชุม ผู้อำนายการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.นครสวรรค์ กล่าวว่า ความยิ่งใหญ่ของงานแข่งเรือวัดท่าหลวงมีประวัติเรื่องเล่ามากมาย แต่ที่สำเร็จลุล่วงมาได้ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจของภาครัฐ เอกชน ชุมชน สถาบันการศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลเพิ่มเติม ว่า หลายคนคงจำอดีตได้ว่า เมื่อ 37 ปีก่อน หรือประมาณ พ.ศ. 2523 ในยุคนั้นเรือที่โด่งดังที่สุดของจังหวัดพิจิตร คือ เรือศรทองของวัดวังกลม ที่พายจ้ำแข่งกับเรือเทวีนันทวัน จากวัดช้าง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ของ”เสี่ยแหย” ซึ่งในสมัยนั้นมีการเดิมพันกันชนิดที่เรียกว่า ชาวพิจิตรต้องลงขันหาเงินถึงขนาดที่ต้องขายข้าวเขียวที่อยู่ในท้องนารอการเก็บเกี่ยวระดมเงินวางเดิมพันถึง 10 ล้านบาทประกบกับเจ้าของเรือเทวีนันทวัน ที่มีเรื่องเล่าขานว่าเป็นเถ้าแก่โรงสีที่มีชื่อว่า “เสี่ยแหย”แต่คุยฟุ้งว่า เงินวางเดินพันครั้งนั้นเพียงแค่ ขายแกลบมาเล่นเดิมพันกับชาวพิจิตรทำเอาชาวพิจิตรซึ่งรักศักดิ์ศรี ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้จึงรวมเงินลงขันได้ 10 ล้าน ตามที่ “เสี่ยแหย” ท้าเดิมพันในครั้งนั้น แต่ปรากฏว่าที่สนามแข่งเรือยาว หน้าวัดท่าหลวง เรือเทวีนันทวัน มีชัยชนะและกวาดเงินเดิมพันไปได้ทำเอาชาวพิจิตรในยุคนั้นเปรียบเทียบเหมือน “ไฟไหม้ตลาดวังกรด-บ้านบุ่ง-หัวดงและพิจิตร”เลยทีเดียว เรือทั้ง 2 ลำ  อีก 3 เดือนต่อมาก็ไปพายจ้ำเปิดศึกล้างตากันอีกครั้งที่วัดเกาะหงษ์ จ.นครสวรรค์ มีข้อมูลว่า เรือศรทอง เป็นฝ่ายชนะหอบเงินเดิมพัน 30 ล้านบาท กลับบ้านล้างแค้นแก้มือคืนได้สำเร็จ จากนั้นข่าวของเรือทั้ง 2 ก็ห่างเหินไปจากวงการ จนถึงวันนี้ก็ยังทำให้หลายคนคาใจว่า  เรือศรทอง วัดวังกลม กับ เรือเทวีนันทวัน วัดช้าง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ที่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะในครั้งนั้นใครกันแน่ คือจ้าวแห่งความเร็วในสายน้ำวันที่  2-3 กันยายน 2560 ปัญหาคาใจ 37 ปี จะพิสูจน์ให้ได้เห็นกันอีกครั้ง เมื่อเรือคู่เอกทั้ง 2 ลำนี้ คือ เรือศรทองของวัดวังกรม ต.บ้านบุ่ง  กับ เรือเทวีนันทวัน วัดช้าง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง จะกลับมาเจอกันอีกครั้งเพื่อประกาศศักดาผู้เป็นจ้าวแห่งความเร็วแห่งสายน้ำ ดังนั้นความยิ่งใหญ่ในอดีตที่เป็นความทรงจำของชาวเรือยาวจะกลับมาให้เห็นอีกครั้งที่สนามแข่งขันเรือยาว ณ ลำน้ำน่าน หน้าวัดท่าหลวง พระอารามหลวง

พระเมธีธรรมประนาท “ท่านเจ้าคุณปรีชา” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง กล่าวเชิญชวนปิดท้ายว่า มนต์เสน่ห์ของงานแข่งเรือวัดท่าหลวง คือ มีถ้วยพระราชทานในหลวง ร.9 เป็นพลังใจสำคัญให้ชาวเรือได้ฮึกเหิม มีหลวงพ่อเพชรเป็นศูนย์รวมใจให้นักท่องเที่ยวมากราบไหว้ขอพร มีสนามแข่งขันและกรรมการที่มีมาตรฐาน ปีนี้มีการคัดเลือกเอาแต่เรือที่มีความพร้อมสูงสุดเป็นเรือยาวใหญ่ ( 41-55 ฝีพาย ) เรือยาวกลาง ( 31-41 ฝีพาย ) เรือยาวเล็ก (ไม่เกิน 30 ฝีพาย ) เรือคู่พิเศษ  คือ  เรือยาวใหญ่โบราณ  เรือยาวเล็กผู้หญิง  ก็มีลงสนามแข่งขันในครั้งนี้ด้วย ส่วนกิจกรรมบนฝั่งบริเวณลานวัดก็จะมีร้านค้าจำหน่ายสินค้าOTOPของชาวจังหวัดพิจิตรและจากทั่วประเทศ ให้นักท่องเที่ยวได้มาชม แชะ ชิม ช้อป กันอย่างสะใจ ส่วนภาคค่ำก็จะจัดให้มีมหรสพต่างๆ รวมถึงจัดให้มีคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังให้ได้สนุกสนานตลอดงาน  งานนี้ห้ามพลาด!!!

ภาพ/ข่าว สิทธิพจน์ เกบุ้ย ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.พิจิตร