โคตรโกงโผล่!! แฉแหลก ผอ.แขวงการทางฯ ชี้แจงเท็จโครงการแนวหินทิ้งป้องกันคลื่นกัดเซาะชายฝั่งปากพนัง อ้างแค่ 2.8 แสนของจริงโผล่ 11.8 ล้าน

จากกรณีที่นายปรีชา วิเศษสิทธิ์  ผู้อำนวยการแขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 1 สำนักงานแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่  1 ได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังสำนักข่าวทีนิวส์ ว่าทางหลวงสายดังกล่าวคือสาย 4013 ตอนปากพนัง-หัวไทร  ในการก่อสร้างแนวคันกั้นคลื่นทางแขวงได้ของบประมาณซ่อมแซมฉุกเฉินโดยการทิ้งหินใหญ่เพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะผิวทาง ปี 2559 ไปยังกรมทางหลวงเป็นเงิน 286,400 บาทและในขณะเดียวกันแขวงฯก็ได้จัดทำใบสั่งซื้อสั่งจ้างกับผู้รับจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างดำเนินการอย่างเร่งด่วนมิเช่นนั้นทางสายดังกล่าวจะขาดส่งผลกระทบกับผู้ใช้เส้นทาง และอาจจะทำให้บ้านเรือนราษฏรที่พักอาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกของถนนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และเนื่องจากการก่อสร้างเป็นการกระทำที่ฉุกเฉินและเร่งด่วน จึงมิได้ศึกษาถึงผลกระทบและททำประชาพิจารณ์ ป้ายรายละเอียดระยะทางและงบประมาณใด ๆ ได้ทันท่วงทีและการกระทำได้ทำไปอย่างโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้

(16  ส.ค.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าทางแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 1 ได้นำป้ายรายละเอียดโครงการไปปักบริเวณริมถนนที่ดำเนินการโครงการระบุว่า โครงการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูทางหลวงที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ ทางหลวงหมายเลข 4013 ตอนปากพนัง-หัวไทร ระหว่างหลัก กม.47+000 ถึง กม.53+000 (เป็นตอน ๆ) ปริมาณงาน 1 แห่ง (จำนวน 14 รายการ) ผู้รับจ้าง ห้างหุ้นส่วน ซี.ซี.จักรกลและก่อสร้างจำกัด  สัญญาเลขที่ นศ.23/2560 (ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560) เริ่มสัญญา 29 มีนาคม 2560 สิ้นสุดสัญญา 25 สิงหาคม 2560  ระยะเวลาดำเนินการ 150 วัน ค่าก่อสร้าง 11,818,000.00 บาท (สิบเอ็ดล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นแปดพันบาทถ้วน) ผู้ควบคุมงานนายสำเริง นวลศรี ตำแหน่งนายช่างโยธาชำนาญการ โทร.081-085-6286

ทันทีที่แขวงทางหลวงนครศรีธรรมราช ที่ 1 นำป้ายรายละเอียดโครงการไปติดตั้ง ทำให้ประชาชนในพื้นที่และผู้ที่ขับรถผ่านไปมาพากันแปลกใจเป็นอย่างมากที่แขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 1 เพิ่งนำป้ายมาติดตั้งทั้ง ๆ ที่เหลือระยะเวลาในสัญญาเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น ส่วนอีกช่วงหนึ่งประมาณหลัก กม.ที่ 44-47 ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ยังไม่มีการติดตั้งป้ายรายละเอียดของโครงการแต่อย่างใด ที่สำคัญรายละเอียดข้อมูลขัดแย้งกับหนังสือที่นายปรีชา วิเศษสิทธิ์  ผู้อำนวยการแขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 1 ทำหนังสือชี้แจงไปยังสำนักข่าวทีนิวส์อย่างสิ้นเชิง

โดยเฉพาะในหนังสือที่ชี้แจงสำนักข่าวทีนิวส์ระบุชัดเจนว่า “ทางหลวงสายดังกล่าวคือสาย 4013 ตอนปากพนัง-หัวไทร  ในการก่อสร้างแนวคันกั้นคลื่นทางแขวง ฯได้ของบประมาณซ่อมแซมฉุกเฉินโดยการทิ้งหินใหญ่เพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะผิวทาง ปี 2559 ไปยังกรมทางหลวงเป็นเงิน 286,400 บาทและในขณะเดียวกันแขวงฯก็ได้จัดทำใบสั่งซื้อสั่งจ้างกับผู้รับจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างดำเนินการอย่างเร่งด่วนมิเช่นนั้นทางสายดังกล่าวจะขาดส่งผลกระทบกับผู้ใช้เส้นทาง และอาจจะทำให้บ้านเรือนราษฏรที่พักอาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกของถนนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และเนื่องจากการก่อสร้างเป็นการกระทำที่ฉุกเฉินและเร่งด่วน จึงมิได้ศึกษาถึงผลกระทบและทำประชาพิจารณ์ ป้ายรายละเอียดระยะทางและงบประมาณใด ๆ ได้ทันท่วงทีและการกระทำได้ทำไปอย่างโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้

  นายไพโรจน์ รัตนรัตน์  แกนนำเรียกร้องทวงคืนโฉนดทะเล ชมคนลุ่มน้ำพางพาตนเอง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายปรีชา วิเศษสิทธิ์  ผู้อำนวยการแขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 1 ทำหนังสือชี้แจงผ่านสำนักข่าวทีนิวส์ ระบุงบประมาณชัดเจนว่าแขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 1 ของบประมาณซ่อมแซมฉุกเฉินโดยการทิ้งหินใหญ่เพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะผิวทาง ปี 2559 ไปยังกรมทางหลวงเป็นเงิน 286,400 บาทเท่านั้น แต่เมื่อนำรายละเอียดโครงการ ฯมาติดตั้งกลับระบุงบประมาณมากถึง  11,818,000 บาท มากกว่าที่ชี้แจงสำนักข่าวทีนิวส์ถึงกว่า 40 เท่า และยังไม่รวมอีกช่วงหนึ่งประมาณหลัก กม.ที่ 44-47 ซึ่งคาดว่าใช้งบประมาณอีกไม่นอนกว่า 10 ล้าน ดังนั้นนายปรีชา วิเศษสิทธิ์  ผู้อำนวยการแขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 1  ตั้งใจที่ตบตาสื่อมวลชนและประชาชนใช่หรือไม่ พฤติกรรมส่อให้เห็นถึงความพยายามในการทุจริตไม่โปร่งใส่อย่างชัดเจน

“หลังสำนักข่าวเสนอข่าวทีนิวส์เกาะติดในโครงการนี้มีคนที่ร่วมดำเนินการโครงการโทรศัพท์ไปถึงนักการเมืองชื่อดังพรรคการเมืองพรรคใหญ่พรรคหนึ่งใน จ.ชุมพร ให้โทรศัพท์มาเคลียร์กับตนและชมรมคนลุ่มน้ำปากพนัง ตนอยากจะถามว่านักการเมืองคนดังกล่าวจะร่วมในการโกงงบประมาณแผ่นดินและขีดขวางการตรวจสอบของภาคประชาชนด้วยหรืออย่างไร ตนและชมรมคนลุ่มน้ำปากพนังกำลังดำเนินการสนองตอบนบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ที่ต้องการป้องปันปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น”

                นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้มีการตรวจสอบการดำเนินการโครงการนี้อย่างจริงจังตนได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลส่วนกลางที่ร่วมกับคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณงบพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราชในพื้นที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เรียบร้อยแล้ว และในวันสองวันนี้ตนจะเข้ายื่นร้องเรียนต่อ สตง.และ ปปช.เพื่อให้ตรวจสอบโครงการนี้อีกด้วย ที่สำคัญตนอยากจะเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการทุจริตในโครงการนี้ด้วย.

ภาพ/ข่าว  ยุทธนะ เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช