แกนนำ 5 แผ่นดิน!! ย้ำ “ใจหายจะเป็นลมโดนเวนคืนที่ดิน” คุณยายทวดวัย97 ร่วมคัดค้านโครงการสร้างฟลัดเวย์ โครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองคอน (มีคลิป)

จากกรณีคุณยายทวดอายุเกือบ 100  ปีถ่อสังขารเดินถือไม้เท้ามาสอบถามหาศูนย์ดำรงธรรม จ.นครศรีธรรมราชเกี่ยวกับเรื่องที่สำนักงานชลประทานบุกรุกปักหมุดเขตชลประทานในที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตมกฎหมาย  เพื่อสร้าง ฟลัดเวย์”โครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองนครศรีธรรมราช ทำให้คุณยายทวดเกิดความเครียดต้องเข้าโรงพยาบาล ญาติ ๆ หวั่นย่าทวดจะตรอมใจตาย  จากนั้นคุณยายทวดได้แจ้งรายละเอียดข้อมูลในการร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม บันทึกจากนั้นจึงให้คุณยายทวดยื่นหนังสือกับเจ้าหน้าที่พร้อมถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานด้วยน้ำตานองใบหน้าอย่างน่าสงสาร

(19 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคุณยายทวดคนดังกล่าวคือนางเหี้ยง   สุภวิทยา อายุ 97 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 1 ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นชาวบ้าน 1 ใน 62 ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินโครงการ"โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดนครศรีธรรมราช" โดยผู้ร้องเรียนนำโดยนายสุนทร จันทองแก้ว รอง นายก อบต.บางจาก/กลุ่มรักแผ่นดินบ้านเกิดบางจาก ได้ร่วมกันยื่นหนังสือร้องเรียนและคัดค้านโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองนครศรีธรรมราช ดังกล่าว

นางเหี้ยง   สุภวิทยา คุณยายทวดซึ่งนับเป็นแกนนำในการร้องเรียนคัดค้านโครงการดังกล่าว กล่าวว่า อยู่อาศัยในที่ดินซึ่งมีเอกสารโฉดที่ดินดังกล่าวมาเกือบ 100 ปี แต่จู่ ๆ มีชายฉกรรจ์ไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหนลงพื้นที่นำหลักหมุดไปปักในที่ดินและบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมชลประทานมาปักแนวเขตก่อสร้างคลองระยายน้ำสู่ทะเล และที่ดินในแนวเขตที่ปักหลักหมุดจะต้องถูกเวนคืนทั้งหมด  บอกตรง ๆ ทวดไม่เห็นด้วยเลยที่จู่ ๆ ก็มีการเข้ามาทึกทักเอาว่าจะเวนคืนที่ดิน โดยชาวบ้านไม่ทราบที่มาที่ไปว่าโครงการดังกล่าวมันมาได้อย่างไร และได้ดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านแล้วจนเข้าใจแล้วหรือไม่ เจ้าหน้าที่เข้ามาทำโดยพละการ

                “ตนทราบข่าวบอกตรง ๆ ว่าใจหาย หัวใจหวิวเหมือนจะเป็นลมจนลูกหลานต้องนำส่งโรงพยาบาลหลายครั้ง เพราะผูกพันกับที่ดินและใช้ทำกินมาตลอดชีวิต เมื่อทราบว่าชาวบ้านจำนวน 62 ครัวเรือนเดินทางถือไม้เท้าข้ายื่นหนังสือร้องเรียนคัดค้านการเวนคืนที่ดินตามโครงการ ฯตนจึงขอเดินทางมาด้วย แม้ลูก ๆ หลาน ๆ จะห้ามเพราะตนแกชรา สุขภาพม่าดี แม้จะเดินก็ไม่ค่อยไหวต้องถือไม้เท้าค้ำยัน แต่ตนยืนยันว่าจะไปศูนย์ดำรงธรรมด้วย หากไม่ได้ไปมันนอนตายตาไม่หลับแน่ ลูก ๆ หลาน ๆ จึงยินยอมพามาด้วย คุณยายทวดเหี้ยง กล่าวด้วยน้ำตานองใบหน้า

                ในขณะที่นายสุนทร จันทองแก้ว กล่าวว่า ในระยะช่วงเดือนที่ผ่านมากรมชลประทานได้เข้าไปปักหมุดเขตโครงการขุดคลองระบายน้ำลงสู่ทะเล โดยที่ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่ดินไม่ทราบเรื่องใด ๆ  ไม่มีการชี้แจงหรือแจ้งล่วงหน้า ไม่มีการประชุมสอบถามไม่ทราบเรื่องการเวนคืนที่ดิน และสร้างความกังวลใจให้ชาวบ้านเป็นอย่างมากเพราะที่ดินของตนโดนปักหมุดโครงการ  ซึ่งบางครอบครัวที่ดินอยู่ในแนวเขตทั้งหมด จึงรวมตัวกันที่ อบต.บางจาก พร้อมร่วมกันปรึกษาหารือ โดยสรุปทาง อบต.บางจาก เองก็ไม่เห็นด้วย  จึงได้มายื่นหนังสือคัดค้านพร้อมข้อสงสัยสอบถามหน่วยงานภาครัฐ โดยมีนายฐานะ กู้เมือง เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมฯ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว

นายฐานะ กู้เมือง เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมผู้รับเรื่องร้องเรียน กล่าวว่าจะนำเรื่องรายงานถึงผู้บังคับบัญชาเพื่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและร่วมประชุมชี้แจงรายละเอียดให้ชาวบ้านทราบอย่างละเอียด  ในเบื้องต้นชาวบ้านรู้สึกดีใจในระดับหนึ่งและได้ฝากความหวังไว้กับศูนย์ดำรงธรรมฯ ที่จะประสานงานให้เกิดการประชุมร่วมขึ้น จากนั้นได้แยกย้ายเดินทางกลับโดยเหตุการณ์เป็นไปอย่างปกติ

                “สำหรับข้อพิจารณา เห็นควรให้เจ้าของโครงการฯทราบว่าเป็นสำนักชลประทานที่ 10 มาชี้แจงข้อเท็จจริง ตลอดจนขั้นตอนที่ผ่านมาว่าได้ข้อสรุปอย่างไรถึงได้เข้าไปปักหมุดโครงการฯ โดยที่ประชาชนเจ้าของที่ดินที่โดนปักหมุดถึง 62 ครัวเรือน ที่เข้าชื่อร้องเรียนถึงไม่ได้รับทราบข้อมูลการดำเนินการในครั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมหน่วยจะแจ้งให้ประชาชนผู้ร้องร้องเรียนทราบต่อไป”.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่สำนักชลประทานที่ 10 ได้เดินทางเข้านายไพรัตน์ ฉิมหาด รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็น 1 ในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบและได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความเรียกร้องผ่านทางเพซบุ๊ค  เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2560 ที่ผ่านมา หลังการชี้แจงนายไพรัตน์ ฉิมหาด ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพเจ่าหน้าที่ที่เดินทางมาชี้แจงสรุปว่า.. 1.ชื่อโครงการว่า "โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดนครศรีธรรมราช"  2.เป็นโครงการเนื่องมาจากพระราชดำริ 3.ฟังคำชี้แจงจากท่านดิศชาติ หัวหน้าฝ่ายจัดหาที่ดิน และคุณชาติชาย พร้อมคณะที่มาแล้ว มีความเข้าใจมากขึ้น  4.ได้ยื่นหนังสือถึง ผอ.ธเนศ จำนวน 13 ข้อสงสัย  (มิใช่ยื่นคัดค้านนะครับ)  5.ได้รับเอกสารจากผู้ชี้แจงจำนวน 3 ชุดคือ เอกสารโครงการ/แผ่นพับและหนังสือเกี่ยวกับบัญชีรายละเอียดค่าทดแทน  6.ได้ขอให้ชี้แจงกับชาวบ้านเจ้าของที่ดินที่เจ้าหน้าที่ปักหมุดในเขตที่ดินให้ทราบด้วย ไม่ควรเข้าไปอย่างพละการ  7.ขอให้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจริง ถ้าตามเอกสารโครงการด้านหลัง คงกระทบไม่มากในส่วนของครัวเรือน แค่ 10 ครัวเรือน ส่วนกระทบที่ดินเป็นอีกประเด็น  8.ทำอย่างไร ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง การประชาสัมพันธ์ สื่อสาร ขอให้ภาครัฐมีหนังสือแจ้งไปยังบ้านเรือนที่ได้รับกระทบ เพราะไม่กี่ครัวเรือน 9.ในการเวทีรับฟังความคิดเห็น ขอให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจ เข้าร่วมประชุม และข้อให้แจ้งประชาชนในพื้นที่ทราบล่วง  10.ก่อนเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต้องให้ข้อมูลแก่ประชาชนได้ศึกษาข้อมูลก่อนล่วงหน้า 11.ในด้านหลังของเอกสารโครงการข้อที่ 8.1,8.2 ด้านการมีส่วนร่วมที่ระบุในเอกสารโครงการว่าเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนจำนวน 20 ครั้ง นั่นกระทำที่ไหนบ้าง   12. ย้ำเจตนาเดิมคือ ไม่คัดค้าน ไม่ขัดข้อง แต่ขอข้อมูลที่ชัดเจน  13.ขอบคุณส่วนราชการที่รับฟังความเห็นของประชาชนส่งเจ้าหน้าที่มาสร้างความเข้าใจ (ที่ผ่านมาทำให้ตกใจก่อน แล้วจึงมาทำความเข้าใจ) ขอบคุณภาคีเครือข่ายทั้งเฟสและไลน์ที่ได้ให้ข้อมูล ประสานผู้เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน.

ภาพ/ข่าว ยุทธนะ  เตมะศิริ    ผู้สื่อข่าวภูมิภาค   สำนักข่าวทีนิวส์   จ.นครศรีธรรมราช

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค/นายไพรัตน์ ฉิมหาด/ศูนย์ดำรงธรรม/กอ.รมน.นครศรีธรรมราช