- 28 ส.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 28 สิงหาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร พร้อม นักโบราณคดี สนง.ศิลปกรที่ 11 สงขลา อุตสาหกรรมจังหวัด สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด เดินทางลงพบ นายกอบต.ฉลุง และผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งชาวบ้านเพื่อลงตรวจสอบหลังมีกรณีการร้องเรียน ว่าเขาบังใบ ซึ่งเป็นภูเขาในชุมชนเป็นแหล่งต้นน้ำ เป็นแหล่งโบราณคดี ไม่เห็นควรให้มีการขอประทานบัตรเพื่อทำเหมืองหินเขาบังใบ ต.ฉลุง อ.เมือง จ.สตูล
จากนั้นคณะได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจรอบเขาบังใบ โดยก่อนหน้านักโบราณคดี สนง.ศิลปกรที่ 11 สงขลา ได้ลงสำรวจมาครั้งหนึ่งแล้ว และการลงในครั้งนี้ก็พบชิ้นส่วนของหม้อโบราณ ก่อนยุคประวัติศาสตร์ 1,500 ปี พร้อมทั้งชิ้นส่วนของกระดองเต่า และหอย หลายชนิดทำให้เชื่อได้ว่าเขาแหล่งนี้เคยเป็นที่พักพิงของมนุษย์โบราณดูได้จากบริบทรอบเขาที่เหมาะกับการอยู่อาศัย
นางสาวศิริพร สังข์หิรัญ นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปกรที่ 11 สงขลา ยืนยันว่า จากการลงสำรวจครั้งที่ 2 นี้ ดูจากบริบทสภาพพื้นที่เป็นเพิงผา เหมาะกับการตั้งถิ่นฐานหลบแดดฝน มีลำธารน้ำ และยังพบร่องรอยทางโบราณวัตถุดูจากสภาพแวดล้อมเชื่อได้ว่า ในอดีตเคยมีการอยู่อาศัย และ เห็นควรให้มีการอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้ โดยหลังจากการสำรวจครั้งนี้จะทำหนังสือถึง อบต.ฉลุง และทางจังหวัดสตูล ให้ทราบว่าพื้นที่แห่งนี้มีร่องรอยศิลปทางโบราณวัตถุควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้
ด้านนางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร กล่าวว่า การเดินทางมาสำรวจในครั้งนี้ หลังมีการร้องเรียนไปทางคณะกรรมการฯจึงเดินทางมาดูข้อเท็จจริง ว่าประชาชนผู้เดือดร้อนถูกละเมิดสิทธิ์หรือไม่ หรือถูกละเมิดสิทธิในด้านใดบ้างในจุดที่มีการร้องเรียนของชาวบ้านที่อาศัยรอบ เขาบังใบ ต.ฉลุง อ.เมืองสตูล และเขาโต๊ะกรัง ต.ควนโดน อ.ควนโดน จังหวัดสตูล
การลงสำรวจเขาบังใบ ต.ฉลุง ยิ่งได้รับคำยืนยันจากนักโบราณคดีแล้วว่าพื้นที่แห่งนี้ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้หลังพบโบราณวัตถุ การอยู่อาศัยของคนยุคโบราณ อีกทั้งพบตาน้ำลำธาร ที่เขาหินปูนนี้ก็ยิ่งตอกย้ำถึงคุณค่าที่ควรอนุรักษ์ไว้
จากการรับเรื่องร้องเรียนมากกว่า 100 คำร้อง ทั่วประเทศ กรณีการขอประทานบัตรเพื่อทำเหมืองหินในหลายพื้นที่ และพบว่าจังหวัดสตูลมี 3 แห่งที่มีการขอประทานบัตร ซึ่งจะต้องมีการเสนอเรื่องให้ทางจังหวัดทบทวนการให้ใบอนุญาตอีกครั้งหลังพบว่า เพื่อให้สอดคล้องกับคำขวัญจังหวัด หลังพบหลายพื้นที่มีเขาความอุดมสมบูรณ์ของป่านานาพรรณ มีร่องรอยของโบราณวัตถุ มีร่องรอยของฟอสซิล และหินโบราณ มีแหล่งน้ำที่จะหล่อเลี้ยงหากมีการทำลายเขาหลายลูกในอนาคตอาจจะประสบกับภาวะขาดแคลนแหล่งน้ำ อุปโภคบริโภค นางเตือนใจ กล่าวในที่สุด.....
สำหรับความคืบหน้าเขาโต๊ะกรัง ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล แม้ชาวบ้านจะออกมาคัดค้าน และทำหนังสือถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ระงับการขอประทานบัตร โดยขณะนี้ทางบัตรผู้ร้องขอได้ยื่นของประทานบัตรแล้วและอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบก่อนจะมีการออกใบอนุญาต
การรุกหนักของนายทุนในการเดินหน้าขอสัมปทานเหมืองหิน ในพื้นที่ จ.สตูลกับภูเขา 8 ลูกที่ถูกประกาศเป็นแหล่งหินอุตสาหกรรม ทำให้ชาวบ้านที่อยู่รอบภูเขา 3 กลุ่ม ออกมาค้านการระเบิดเขาโต๊ะกรัง ต.ควนโดนรอยต่อ อ.ควนโดน -อ.ควนกาหลง , คัดค้านระเบิดเขาบังใบ ต.ฉลุง อ.เมืองสตูล และ เขาลูกเล็ก เขาลูกใหญ่ ต.ป่าแก่บ่อหิน อ.ทุ่งหว้า ได้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเกิดความขัดแย้งกันเองภายในชุมชน ไม่ต้องการให้เกิดอุตสาหกรรมเหมืองหินในพื้นที่
ในขณะที่นโยบายจังหวัดที่จะผลักดันให้สตูล เป็นอุทยานธรณีโลก หลังพบแหล่งหินโบราณที่ล้ำค่าอยากจะประเมินหลายจุดในพื้นที่ โดยขณะนี้ องค์กรยูเนสโก้ อยู่ระหว่างประเมินว่า ควรค่าจะให้เป็นแหล่งอุทยานธรณีโลกหรือไม่ หากภาครัฐ และรัฐบาลยังไม่เร่งดำเนินการในการยกเลิกประกาศแหล่งหินทั้ง 8 ลูกให้เป็นพื้นที่ทางทรัพยากรธรณีที่ทรงคุณค่า ก็คงเป็นปัญหาในพื้นที่ที่อยากจะแก้ไขทั้งชาวบ้านและนายทุน
การประกาศเมื่อปี พ.ศ.2539 ต่อเนื่อง 2540 ตามประกาศอุตสาหกรรม ได้ประกาศให้พื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมสตูลมีด้วยกัน 8 ลูก คือ 1. ภูเขาพลู ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง 2. ภูเขาจำปา ภูเขาโต๊ะช่าง และภูเขาเณร หมู่ที่ 1 ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง 3.ภูเขาลูกเล็กลูกใหญ่ ต.ป่าแก่บ่อหิน อ.ทุ่งหว้า 4.เขาลูกช้าง โดยเขาโต๊ะกรังเป็นลูกเขาในกลุ่มนี้ ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง 5.เขาวังบุมาก ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง 6.เขาละใบดำ ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง และ7 เขาจุหนุงนุ้ย ต.กำแพง อ.ละงู และ 8.เขาละมุ ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง
เอนก ขันทสิกรรม ข่าว
ภาพ นนทพันธ์ จันทรกุล ภาพ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดสตูล




