พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 60  นายเจษฎา ลิ้มศรีตระกูล นายอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ รับแจ้งจากชาวบ้านว่าที่บริเวณพื้นที่หมู่ 2 บ้านหน้าพระธาตุ ต.ในเมือง พบพระพุทธรูปพร้อมโบราณสถานอันเก่าแก่สมัยกรุงสุโขทัยตอนต้นผสมขอม มีอายุกว่า 1,000 ปี จำนวน 2 แห่ง แห่งแรกอยู่ที่ด้านหลังบ้านของนางวราภรณ์  ไกลพ้น ริมถนนสายหน้าวัดพระธาตุ ใกล้กับแม่น้ำน่าน แห่งที่สอง อยู่ติดริมถนนสายพิชัย-บ้านแก่ง ซึ่งอยู่ในเขตที่ดินของชาวบ้าน ซึ่งทางกรมศิลปากรยังไม่ได้ขึ้นทะ เบียนเป็นโบราณสถานเอาไว้ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับ นายศิลปชัย ถาวรพัฒนาสกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ในเมือง โดยมีเจ้าหน้าที่ อบต.นำแผนที่แนวเขตที่ดินราชพัสดุเข้าตรวจสอบ

จุดแรก ด้านหลังบ้านของนางวราภรณ์  พบเห็นเนินดินสูงกว่า 2 เมตร มีเศษซากโบราณสถานที่แตกหักพังและทรุดโทรมลงตามสภาพกาลเวลา อาทิ ก้อนศิลาแลงขนาดสี่เหลี่ยมเล็ก สามารถใช้มือหยิบยกด้วยคนเดียวได้  ก้อนอิฐศิลาแลงชนิดแท่งขนาดใหญ่ต้องใช้คนจำนวนมากถึงยกขึ้นและตอเสาศิลาแลง เศษกระเบื้องโบราณสำหรับมุงหลังคา และ อิฐมอญโบราณสำหรับใช้ก่อสร้าง จำนวนมากแตกกระจายเกลื่อนอยู่ทั่วบริเวณ บนเนื้อที่ประมาณ  944 ตารางเมตร มีความกว้างประมาณ 49 เมตร  และยาวประมาณ 16 เมตร สันนิฐานว่าวัตถุโบราณที่พบนี้ ถูกนำมาก่อสร้างเป็นศาสนาสถานสำคัญเพื่อใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนา เช่น วิหาร โดยใช้ศิลาแลงก้อนใหญ่ผสมอิฐมอญโบราณก่อเป็นโครงสร้าง แต่ปัจจุบันพังทลายลงเหลือเพียงเนินดิน ที่มีเศษซากศิลาแลง อิฐมอญโบราณหลงเหลือให้พบเห็นจากการสำรวจโดยรอบ พบชิ้นส่วนของพระพุทธรูปช่วงบริเวณพระอุระ(หน้าอก) ไม่มีแขนและเศียร ถูกสร้างจากหินทรายศิลาแลงห่อหุ้มด้วยปูน บริเวณใกล้กันยังพบชิ้นส่วนของพระพุทธรูปคาดว่าจะเป็นส่วนล่างของลำตัวไปถึงสะโพกและเข่า สร้างจากหินทรายศิลาแลงเช่นเดียวกัน แต่ส่วนปูนที่ถูกหุ้มอยู่แตกหายไป ทำให้เห็นโครงภายในด้วยลักษณะที่มีการนำอิฐศิลาแลงมาเข้าลิ่มแบบโบราณ เพื่อสร้างความแข็งแรงคงทนให้กับพระพุทธรูป เจ้าหน้าที่ยังพบโครงสร้างของฐานพระพุทธรูปหรือแกนองค์พระพุทธรูป สร้างจากศิลาแลงเช่นเดียวกับชิ้นส่วนขององค์พระพุทธรูปที่พบและอยู่บริเวณใกล้เคียงกันด้วย เชื่อว่าชิ้นส่วนทั้งหมดนั้นเป็นพระพุทธรูปในลักษณะปางนั่งขัดสมาธิ วัตถุโบราณที่พบนี้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับซากพระปรางค์ที่พบก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นยุคสุโขทัยตอนต้นผสมขอมและมีอายุกว่า 1,000 ปี

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

นายเจษฏา นายอำเภอพิชัย พร้อมด้วยนายศิลปชัย นายก อบต.ในเมืองและเจ้าหน้าที่ สำรวจจุดที่สอง เป็นที่ดินของชาวบ้าน ห่างจากริมถนนสายพิชัย-บ้านแก่ง ประมาณ 60 เมตร พบเนินดินที่มีความสูงกว่า 1 เมตร กว้าง 9 เมตร ยาว 44 เมตร พบเศษซากวัตถุโบราณเป็นก้อนศิลาแลง จำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณพื้นที่ และยังพบเสาศิลาแลงชนิดกลมฝังดินอยู่ รวมถึงเศษกระเบื้องโบราณตกเกลื่อนทั่วบริเวณ สันนิฐานว่าพื้นที่บริเวณนี้ เคยถูกสร้างเป็นวิหารมาก่อน

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

" สำหรับที่ดินแปลงนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของชาวบ้านถือครอบครอง จำนวน 3 ราย ได้แก่ นางอรุณรัตน์  เจียมจันทร์คุป นางทุเรียน กัณฑพงษ์ และนายบรรเทา ราษฎรหมู่ที่ 2 และ 3 บ้านหน้าพระธาตุ โดยนางอรุณรัตน์ มีที่ดินอยู่ในแนวเขตของโบราณสถาน ได้ยื่นขอเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน ซึ่งต้องให้ประชาชนซึ่งอยู่พื้นที่ใกล้เคียงเซ็นเอกสารรับรองในการชี้แนวเขตที่ดินบริเวณดังกล่าว จนทำให้เกิดข้อพิพาท ระหว่างนางอรุณรัตน์กับนางทุเรียนถึงขั้นฟ้องร้องต่อศาล"   นายเจษฎา นายอำเภอพิชัย กล่าวว่า จุดแรกที่พบมีเศษซากศิลาแลงทั้งขนาดเล็กและใหญ่ รวมถึงเศษกระเบื้อง เชื่อว่าบริเวณนี้ถูกสร้างเป็นวิหาร และพบพระพุทธรูปโบราณ ส่วนพระอุระหรือส่วนหน้าอกและชิ้นส่วนอื่นเกี่ยวเนื่องกัน พระพุทธ รูปโบราณนี้ สันนิฐานว่าเป็นพระพุทธรูปประจำวิหาร ถือว่าสมบูรณ์ระดับหนึ่ง บริเวณที่พบวัตถุโบราณแห่งนี้ จึงถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมืองพิชัยเก่า ที่กรมศิลปากรเคยประกาศขึ้นทะเบียนเอาไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนปี พ.ศ.2478  โดยพื้นที่ตรงนี้ยังไม่เคยมีการขุดค้นและเป็นพื้นที่นอกจุดที่กรมศิลปากรดูแล การค้นพบโบราณสถานเพิ่มเติมนี้ จะต้องถูกดึงเข้ามาอยู่ในเขตพื้นที่เมืองพิชัยเก่า อบต.ในฐานะเจ้าของพื้นที่ต้องทำหนังสือแจ้งกรมศิลปากรที่ 6 รับทราบ เพื่อเข้ามาตรวจสอบและสืบค้นเก็บเป็นประวัติเพิ่มเติมให้กับเมืองพิชัย แล้วขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งนี้ พร้อมบูรณะให้เป็นสถานที่ท่อง เที่ยวต่อไป

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

นายเจษฏา กล่าวด้วยว่า หากกรมศิลปากรประกาศพื้นที่จุดนี้เป็นโบราณสถานเพิ่มเติมให้กับอำเภอพิชัย เจ้าของพื้นที่ต้องยอมสละที่ดินจุดที่สำรวจเป็นโบราณสถานคืนให้กับชาติตามกฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ อบต.จะต้องเข้ามาดูแล เพื่อกันไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาขุดค้นทำลายให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมจากที่เห็นอยู่  โดยขอความร่วมมือเจ้าของที่ดินที่ได้ครอบ ครองอยู่ ให้เจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่ดังกล่าวจนกว่ากรมศิลปากรจะประกาศเป็นพื้นที่โบราณสถาน

นายศิลปชัย นาย อบต.กล่าวว่า ในฐานะเจ้าของพื้นที่ดูแลรับผิดชอบ ต้องเตรียมหางบประมาณปรับปรุงพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของอำเภอพิชัย หลังจากกรมศิลปากรประกาศพื้นที่นี้ให้เป็นแหล่งโบราณสถานที่สำคัญของอำเภอพิชัย โดยเชื่อมแหล่งท่องเที่ยวบ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก,กำแพงเมือง คูปราสาท พระปรางค์เมืองพิชัย, หลวงพ่อโต สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองพิชัย วัดหน้าพระธาตุ, ศาลพระยาพิชัยดาบหัก พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน ที่วัดมหาธาตุ และโบราณสถานแห่งใหม่ 2 จุดนี้ เริ่มแรกจะนำบรรจุเข้าสู่แผนพัฒนา อบต.3 ปี พ.ศ. 2561-63 โดยร่วมกับกรมศิลปากรชี้แนวทางการปรับปรุงพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นโบราณสถานทั้งหมดนี้ ตำบลในเมืองมีจุดขายที่สำคัญคือ โบราณสถานหลายแห่งที่ก่อสร้างขึ้นในยุคปลายกรุงสุโขทัยคือ ยุคเริ่มแรกของการตั้งเมืองพิชัยมาจนถึงยุคพระยาพิชัยดาบหัก ซึ่งเป็นจุดขายทางประวัติศาสตร์ เชื่อว่าจะเป็นจุดขายที่สามารถนำเงินเข้าในพื้นที่อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ในระดับหนึ่ง นอกเหนือ จากการปลูกข้าวเป็นหลัก

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

นายวิทยา  ศรีม่วง  ศิลปินนักเขียนเมืองพิชัย กล่าวว่า เมืองพิชัยเดิมเป็นเมืองขนาดเล็ก ตัวเมืองมีผังรูปสี่เหลี่ยมคางหมูขนาด 1,000 คูณ 700 เมตร มีคูน้ำล้อมรอบชั้นเดียว มีด้านยาวขนานกับแม่น้ำน่าน กำแพงก่อด้วยดินยังคงเหลือสภาพดีหลายตอน บางตอนสูง 4 เมตร ภายในเมืองมีซากพระเจดีย์และวิหารที่สำคัญหลายแห่ง แห่งสำคัญเรียกว่าจอมปราสาทอยู่ทางตอนกลางของเมือง ส่วนพื้นที่ใหญ่ของตัวเมืองถูกราษฎรแผ้วถางและปราบพื้นที่เพื่อทำไร่ทำนารวมถึงถูกถนนตัดผ่าน ทำให้รูปลักษณ์ของเมืองพิชัยเดิมหายไป แต่ก็ยังเค้าโครงพื้นที่เดิมอยู่ การค้นพบโบราณสถาน 2 แห่ง พร้อมพระพุทธ รูปครั้งนี้ บ่งชี้ถึงอาณาเขตของเมืองพิชัยอย่างแท้จริง และเชื่อว่าโบราณสถานประเภทวัด เจดีย์ ปราสาทและวิหาร ยังถูกซุกซ่อนแอบอยู่ในพื้นที่ของชาวบ้าน โดยชาวบ้านปกปิดเอาไว้ไม่กล้าแจ้งให้หน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรทราบ เพราะหวั่นถูกยึดที่ดินคืนซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง โบราณสถานนี้เป็นสมบัติของชาติ ใครครอบครองจะต้องยอมเสียสละคืนที่ดินให้กับชาติ เพื่อทำการอนุรักษ์ปรับปรุงและพัฒนาให้คนรุ่นหลังได้มีแหล่งเรียนรู้และศึกษาความรู้ทางประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองพิชัยต่อไป

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

พบพระพุทธรูปและโบราณสถานใหม่ 2 แห่ง อายุกว่า 1,000 ปี สมัยต้นกรุงสุโขทัยตกสำรวจจากกรมศิลป์ ชาวบ้านรุมทึ้งแย่งถือครองที่ดินจนถึงขั้นฟ้องศาล

ภาพ/ข่าว สมภพ  สินพิพัฒนฤดี   ผู้สื่อข่าวภูมิภาค   สำนักข่าวทีนิวส์   จ.อุตรดิตถ์