- 17 ก.ย. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมืองตรัง จะใช้เวลาว่างหลังจากทำสวนยางพาราเสร็จแล้ว มาเก็บลูกเนียง ไม้พื้นบ้านชื่อดังของภาคใต้ ซึ่งมีผลเป็นฝัก โดยมีจุดเด่นของรสชาติคือ ฝาดมันกรอบ และมีกลิ่นหอมฉุนแบบเฉพาะตัว ชาวใต้จึงนิยมนำผลมาใช้เป็นผักจิ้ม หรือผักเหนาะ คู่กับน้ำพริก หรือแกงรสเผ็ดจัดจ้าน เช่น แกงคั่ว แกงกะทิ แกงส้ม หรือขนมจีน เพราะช่วยให้กินข้าวได้เอร็ดอร่อยมากขึ้น แต่ในปัจจุบันเริ่มหายากกันมากขึ้น เพราะผู้คนมักจะโค่นทิ้ง เพื่อนำพื้นที่ไปปลูกพืชเศรษฐกิจแทน ทั้งๆ ที่ลูกเนียงในแต่ละปี จะสร้างรายได้ให้ต้นละประมาณ 4-5 พันบาท และยังเก็บเกี่ยวผลผลิตไปได้นานนับ 50 ปี
นางอำนวย อ่อนแท้ อายุ 66 ปี หรือคุณป้านวย เล่าว่า ปกติในช่วงกลางๆ ปีจะมีลูกเนียงออกมาจำหน่ายกันมาก ทำให้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 15-20 บาท แต่หากเป็นนอกฤดูกาลจะมีราคาขยับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 60-70 บาท หรือ 3 ลูก 10 บาท ตนจึงสนใจนำต้นพันธุ์มาปลูกในพื้นที่ว่างข้างบ้าน เพราะสามารถสร้างรายได้เสริมให้เป็นอย่างดี โดยมีทั้งผู้ที่มาสั่งซื้อถึงบ้าน หรือแม่ค้ามารับต่อไปขาย รวมทั้งเหมายกต้นไปใช้ในงานต่างๆ เพียงแต่ลูกค้ามักจะเป็นคนรุ่นเก่า หรือรุ่นกลางคนขึ้นไป ส่วนคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรับประทานกัน โดยบอกว่าลูกเนียงมีกลิ่นเหม็น หรือที่ภาษาใต้เรียกว่า กินแล้วหอมโฉ่ไปทั้งเมือง
นอกจากลูกเนียงสด ทั้งแบบอ่อน แบบแก่ จะเป็นที่นิยมของชาวใต้แล้ว ยังมีการนำไปถนอมอาหารเพื่อเก็บไว้ได้นานหลายเดือนและเพิ่มมูลค่า โดยนำลูกเนียงแก่ไปเพาะในกองทราย หรือกองฟาง หรือที่ภาษาใต้เรียกว่า ลูกเนียงหมาน ด้วยการฝังลงไปในทราย หรือฟาง ลึก 5 ซม. แล้วรดน้ำเช้าเย็น 5 วัน หลังจากนั้น ลูกเนียงก็จะงอกใบอ่อน และรากอ่อนออกมา เมื่อเอาไปล้างน้ำก็จะรับประทานได้ทันที ทั้งเป็นผักเหนาะ หรือผสมลงในแกงต่างๆ โดยเฉพาะไตปลา ซึ่งวิธีการนี้จะยิ่งทำให้ลูกเนียงมันกรอบ และหอมฉุนมากขึ้น จึงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 150 บาท ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ (082) 440-9881
ข่าว/ภาพ ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค ทีนิวส์ จ.ตรัง




