ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

หลังรัฐบาลประกาศขึ้นราคาแก๊สอีก 10 บาทต่อถัง(ถังละ 15 กิโลกรัม)จนทำให้ประชาชนที่ใช้ประกอบอาหารเพื่อรับประทาน รวมถึงพ่อค้าแม่ขายที่ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงในการประกอบอาหารเพื่อจำหน่ายเต็มขยับราคาขายขึ้นตามราคาแก๊สที่เพิ่มขึ้น พร้อมกันนั้นได้ให้พาณิชย์คุมเข้มในการขายแก๊สเกินราคาที่รัฐบาลกำหนด รวมถึงสินค้าต่างๆที่กำลังจะขึ้นราคา

 

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ตรวจร้านจำหน่ายแก๊ส หลังประชาชนหวั่นวิตกสินค้าจะขึ้นตามภาษีอื่น

ดังนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นตรวจสอบราคาแก๊สว่าได้ขึ้นราคาตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ถังละ 10 บาทหรือไม่ รวมถึงบุหรี่และเหล้า ที่รัฐบาลประกาศขึ้นราคาว่ามีการกักตุนสินค้าหรือไม่

นางสาววิบูลย์ลักษณ์ กล่าวว่าข้อกังวลของพี่น้องประชาชนต่อค่าแก๊สที่ขึ้นราคาอีกถังละ 10 บาท จริงๆแล้วแก๊สเรามีสองส่วนคือภายในประเทศ และนำเข้า ซึ่งราคาแก๊สของเราอิงกับราคาตลาดโลกด้วย ซึ่งแก๊สที่ขึ้นไม่ได้ขึ้นร้อย ซึ่งต่างประเทศขึ้นร้อยเราขึ้นนิดนึ่งโดยใช้เงินกองทุนมาช่วยพยุงราคาแก๊ส แต่จะให้ราคาแก๊สค่อยๆปรับตัว คำถามที่ว่าราคาแก๊สขึ้นถังละ 10 บาทจะมีผลต่อราคาอาหารจานเดียวหรือไม่ ซึ่งเป็นส่วนที่ประชาชนกังวลว่าค่าอาหารเพิ่มขึ้นหรือไม่ กรมการค้าภายในได้คำนวณต้นทุนว่า แก๊สเพิ่มขึ้นถังละ 10 บาทจะมีผลทำให้ราคาอาหารเพิ่มเพียง 5 สตางค์ต่อจาน ต้องเรียนว่าราคาแก๊สที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบกับผู้ประกอบการบ้างแต่ไม่มาก

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ตรวจร้านจำหน่ายแก๊ส หลังประชาชนหวั่นวิตกสินค้าจะขึ้นตามภาษีอื่น

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ตรวจร้านจำหน่ายแก๊ส หลังประชาชนหวั่นวิตกสินค้าจะขึ้นตามภาษีอื่น

ส่วนบุหรี่และเหล้าเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะเก็บภาษี จริงๆแล้วบุหรี่และเหล้า มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยประเทศไทยจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งค่าใช้จ่ายดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น เพื่อมีรายได้เข้ามาแล้วนำไปใช้เวลาดูแลรักษาผู้สูงอายุ ในช่วงก่อนที่จะเก็บภาษีเพิ่มเหล้าบุหรี่ขาดตลาดหรือไม่ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ของเราลงตรวจสอบการกักตุนและค้ากำไรเกินควร ซึ่งผิดในมาตรา 29 ในเรื่อการกักตุนสินค้าและค้ากำไรเกินควร

 

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ตรวจร้านจำหน่ายแก๊ส หลังประชาชนหวั่นวิตกสินค้าจะขึ้นตามภาษีอื่น

ข่าว/ภาพ  สุรชัย ผลจันทร์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.อ่างทอง