ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

วันที่ 2 ต.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงาน นายสมพร สาระการ ประธานกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดพังงา นำนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายบำรุง ปิยนามวาณิช นายก อบจ.พังงาและหัวหน้าส่วนราชการ ล่องเรือชมความงามตามธรรมชาติของคลองมะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา  ซึ่งทางกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านโคกไคร ได้จัดทริปการท่องเที่ยว สปาโคลนร้อน ย่ำเท้าบนหาดทรายร้อน จนได้รับความนิยม จากกลุ่มท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติเป็นอย่างมาก และระหว่างทางได้พบกับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านที่กลับมาจากจับสัตว์น้ำ ซึ่งพบว่าสามารถทอดแหจับกุ้งแม่หวัด หรือกุ้งลายเสือ หรือกุ้งกุลาดำ จากธรรมชาติ มีขนาดตัวที่ใหญ่มาก คาดว่าประมาณ 10-15 ตัวต่อกิโลกรัม ส่วนอีกรายจับได้กุ้งฝอย จำนวนหนึ่ง นายก อบจ.พังงา ได้ขอซื้อในราคา 2,000 บาท ก่อนที่มีการทายกันว่ากุ้งกุลาดำทั้งถุงจะมีน้ำหนักเท่าไหร่ โดยผู้ว่าฯทายว่า 1.75 กก. นายก อบจ.ทายว่า 1.8 กก. รอง นายก อบจ.ทายว่า 1.9 กก.ปรากฏว่า นำมาชั่งน้ำหนักได้ 1.5 กก. ผู้ว่าฯ บอกว่า ผู้ว่าทายถูกเพราะใกล้เคียงที่สุด สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก

นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์  เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางจังหวัดพังงาได้รื้อถอนโป๊ะ และเครื่องมือทำประมงผิดกฎหมายออกจากชายฝั่งรอบอ่าวพังงา พบว่าชาวประมงพื้นบ้านสามารถจับสัตว์น้ำได้จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในพื้นที่รอบอ่าวพังงา ชาวประมงพื้นบ้านสามารถจับกุ้งกุลาดำตัวขนาดใหญ่น้ำหนักประมาณ 80-200 กรัม ซึ่งนับเป็นกุ้งที่หาได้ยากแล้วในธรรมชาติ  แสดงว่าการรื้อถอนเครื่องประมงผิดกฎหมายออกจากท้องทะเล ทำให้สัตว์ทะเลหายากหลายชนิดกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งรื้อถอนออกไปได้ไม่ จึงขอฝากไปยังชาวประมงให้ทำประมงอย่างถูกกฎหมายเพื่ออนุรักษ์สัตว์น้ำไว้อย่างยั่งยืนสืบไป

ประมงพื้นบ้านเฮ...จับกุ้งกุลาดำได้มากขึ้น หลังรื้อเครื่องมือประมงผิดกฎหมายออกจากทะเล (ดูคลิป)

ประมงพื้นบ้านเฮ...จับกุ้งกุลาดำได้มากขึ้น หลังรื้อเครื่องมือประมงผิดกฎหมายออกจากทะเล (ดูคลิป)

ประมงพื้นบ้านเฮ...จับกุ้งกุลาดำได้มากขึ้น หลังรื้อเครื่องมือประมงผิดกฎหมายออกจากทะเล (ดูคลิป)

ประมงพื้นบ้านเฮ...จับกุ้งกุลาดำได้มากขึ้น หลังรื้อเครื่องมือประมงผิดกฎหมายออกจากทะเล (ดูคลิป)

วรรณศิริ  โพธิ์พันธ์  สำนักข่าวทีนิวส์  จ.พังงา