- 09 ต.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
( 8 ต.ค. 60 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหนุ่มพิการทางสายตา เนื่องจากประสบอุบัติเหตุตกต้นไม้เมื่อหลายปีก่อนมีความสามารถพิเศษในการใช้ขลุ่ยเป่าเสียงเพลงทางจมูกได้ไพเราะ และยังเป่าขลุ่ย 2 มือขณะถีบจักรยานได้อย่างคล่องแคล่วยากที่จะลอกเลียนแบบมานานหลายสิบปีแล้ว ด้วยเป็นคนที่ชอบเสียงดนตรีมาแต่วัยเด็กจึงลองใช้ขลุ่ยฝึกหัดเป่าเพลงง่าย ๆ ทางปากมาเรื่อย ๆ จนชำนาญและเริ่มทดลองเป่าขลุ่ยทางจมูก โดยใช้บทเพลงที่ง่าย ๆ ก่อน จนขณะนี้มีความสามารถใช้ขลุ่ยเป่าทางจมูกบทเพลงพระราชนิพนธ์สายฝน ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชนิพนธ์เป็นลำดับที่ 3 ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2489 ขณะที่ยังทรงพระอิสริยศเป็นสมเด็จพระราชอนุชา และเป็นเพลงที่สองที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้นำออกบรรเลงต่อจากเพลงพระราชนิพนธ์ ยามเย็น ณ เวทีลีลาสสวนอัมพร โดยเพลงพระราชนิพนธ์สายฝนเป็นเพลงแรกในจังหวะวอลทซ์ มีลีลานุ่มนวล การที่ทรงใช้จังหวะวอลทซ์สำหรับสายฝน ทำให้เป็นที่นิยมใช้เป็นเพลงลีลาสในขณะนั้น แม้จะมิได้ฟังเนื้อร้องก็ยังรู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้น เยือกเย็น สะอาด และเต็มไปด้วยความหวัง ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ที่พสกนิกรชื่นชมมากที่สุดเพลงหนึ่ง โดยชายพิการผู้นี้ได้รักในเสียงดนตรีและยังได้ยึดโคลงกลอนพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ว่า “ ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ เขานั้นเหมาะคิดกบฏอัปลักษณ์ ” และพยายามฝึกหัดเป่าขลุ่ยทั้งทางปากและทางจมูกตั้งแต่วัยเด็กมาจนถึงทุกวันนี้ด้วยรักในเสียงเพลง สามารถเป่าขลุ่ยเสียงเพลงฟังแล้วรู้สึกไพเราะจับใจ เช่น เพลงรักเก่าที่บ้านเกิด ของ สุริยา ชินพันธ์ เพลงคนอกหักพักบ้านนี้ ของก๊อต จักรพันธ์ อาบครบุรี เป็นต้น
นายเฉลิมพล ถังทอง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ 4 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผู้ที่มีความสามารถเป่าขลุ่ยทางจมูกนี้ เล่าถึงการเริ่มหัดใช้ขลุ่ยเป่าเสียงเพลงว่า เริ่มหัดเป่าขลุ่ยมาตั้งแต่อายุ 13 ปี เพราะใจรักในเสียงดนตรี สมัยเรียนอยู่ที่โรงเรียนสารสิทธิ์ ในอำเภอบ้านโป่งเรื่อยมา เริ่มเป่าเพลงลอยกระทงเป็นบทเพลงแรก แรก ๆ เป่าได้ไม่มากนัก จนพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถเป่าเพลงได้ประมาณกว่า 80 เพลง ที่ชอบจะมีบทเพลงพระราชนิพนธ์สายฝนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เพลงสดุดีมหาราชา ซึ่งตนยังมีความสามารถพิเศษในการใช้ขลุ่ยเป่าเสียงเพลงทางจมูกได้อีกด้วย เป็นความสามารถเฉพาะตัวซึ่งยากจะลอกเลียนแบบ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้
นายเฉลิมพล บอกอีกว่า ตัวเองก็ไม่ได้มีร่างกายเหมือนกับคนทั่วไปเนื่องจากขณะไปสอบเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ ระหว่างอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้ไปเป็นลูกศิษย์วัดช่วยพระที่วัดเพลงวิปัสสนาสายใต้เก่า เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ แล้วขึ้นไปตัดต้นไม้เพื่อสร้างกุฏิพระจนประสบอุบัติเหตุตกต้นไม้ศีรษะกระแทกกับพื้นปูนซีเมนต์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนม้ามแตก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช 5 ปี ช่วงรักษาพยาบาลก็ต้องพักการเรียนไป 5 ปี นอกจากนี้สายตาข้างซ้ายยังพิการมองไม่เห็น ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุตกต้นไม้มาตั้งแต่อายุ 13 ปี จนถึงปัจจุบันนี้ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้รับเงินพิการเลย เคยไปสอบถามที่อำเภอเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่งให้เหตุผลว่าร่างกายแขนขายังดีอยู่ ทำให้ตนไม่ได้เบี้ยผู้พิการเดือนละ 800 บาทเหมือนคนอื่น ๆ เขาทั้งที่สายตามองไม่เห็นข้างหนึ่ง ทุกวันนี้ลำบากไปรับล็อตเตอรี่จากน้าสาวมาขายใบละ 80 บาท ขายใบละ 90 บาท งวดละ 30 ใบ ได้กำไรใบละ 10 บาท หรือ 300 บาทต่องวดเท่านั้น จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือให้ตนได้รับเบี้ยพิการ จะได้นำเงินส่วนนี้มาใช้จ่ายเลี้ยงตัวเองประทังชีวิต ให้พออยู่ได้เหมือนผู้พิการคนอื่นๆ ที่ได้รับสิทธิ์จากภาครัฐในการดูแลด้วย
ภาพ/ข่าว ภัทรพงศ์ คำเปรม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดราชบุรี




