- 22 พ.ย. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 22 พ.ย.60 เวลา 10.00 น. ณ พระอุโปสถวัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย พระธรรมมงคล รังษี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสรรเพ็ชร สิงหเสนี ทายาทรุ่นที่ 6 ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และหลวงพิพิธ (ม่วง สิงหเสนี) และประธานกรรมการมูลนิธิสกุลสิงหเสนี เป็นประธานฝ่ายฆาราวาส ร่วมประกอบพิธีอุทิศผลบุญให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) อัครมหาเสนาบดีสมุหนายก ต้นสกุลสิงหเสนี และหลวงพิพิธ (ม่วง สิงหเสนี) โดยมีพระราชรัตนาลงกรณ์ เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย นายจิรศักดิ์ ศรีคชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นายสงวน สาริมาตย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลค่ายบกหวาน ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลค่ายบกหวาน และประชาชนชาวหนองคายร่วมในพิธี
ทั้งนี้เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีที่ทั้งสองท่านได้เป็นผู้เสียสละในการปกป้องอธิปไตยรักษาผืนแผ่นดินไว้ให้กับประชาชนชาวจังหวัดหนองคายและประเทศไทยมาจนทุกวันนี้
ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงเสนี) เป็นบุตรคนที่ 4 ของเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) กำเนิดแต่คุณหญิง กำเนิดเมื่อปีระกา พ.ศ. 2320 ตรงกับปลายรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สถานที่เกิดอยู่ในเขตพระนคร ตอนเชิงสะพานช้างโรงสี หน้ากระทรวงมหาดไทยทุกวันนี้
เมื่อเจริญวัยขึ้น เจ้าพระยาอภัยราชาผู้เป็นบิดาได้นำตัวนายสิงห์เข้ารับราชการในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร และได้รับพระราชทานยศศักดิ์ในตำแหน่ง จมื่นเสมอใจราชและพระนายเสมอใจ ต่อมาได้เป็นพระยาเกษตรรักษาว่าการกรมนาฝ่ายพระราชวังบวรในสมัยรัชกาลที่ 2 ภายหลังเมื่อรัชกาลที่ 3 ขึ้นครองราชย์สมบัติจึงโปรดให้เป็นพระยาราชสุภาวดีต่อมาในปี พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์คิดการกบฏขึ้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้พระยาราชสุภาวดีเป็นแม่ทัพหน้ายกไปปราบปรามบรรดาพวกกบฏ ในที่สุดท่านได้ปราบปรามกบฏสำเร็จและสามารถยกเข้าครองจำปาศักดิ์ได้สำเร็จ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาราชสุภาวดีว่าที่สมุหนายก เสร็จศึกเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงสถาปนาเจ้าพระยาราชสุภาวดีขึ้นเป็นเจ้าพระยาบดินทรเดชาที่สมุหนายกใน พ.ศ. 2372 (เวลานั้นท่านอายุได้ 52 ปี) อีกไม่กี่ปีต่อมา (พ.ศ. 2376) ญวนเกิดเข้าไปแทรกแซงหาทางจะเอาเขมรเป็นของตน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชายกทัพขึ้นไปสู้รบกับญวนอีก จนกระทั่งญวนยอมทำไมตรีกับไทยแล้ว และเหตุการณ์ในกัมพูชากลับเป็นปกติตามเดิมเจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทยใน พ.ศ. 2391 ท่านได้ควบคุมบ้านเมืองในเขมรนานถึง 15 ปีเต็ม ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชาได้ใช้หลักความเฉียบขาดในการบังคับบัญชา จึงได้ผลคือปราบปรามกบฏเจ้าอนุวงศ์ นครเวียงจันทน์ และได้ช่วยป้องกันเขมรจากญวนได้สำเร็จตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนำเกียรติคุณมาสู่ทหารไทยและประเทศไทยอย่างมากมาย ปีที่กลับจากเขมรมานั้น เจ้าพระยาบดินทรเดชา มีอายุย่าง 71 ปี แต่ก็ยังเข้มแข็งสามารถรับราชการสนองพระเดชพระคุณได้ต่อมาจนกระทั่งถึงวันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2392 ก็ถึงอสัญกรรมด้วยอหิวาตกโรคซึ่งระบาดชุกชุมในปีนั้น รุ่งขึ้นปี พ.ศ. 2393 จึงได้พระราชทานเพลิงศพที่วัดสระเกศ
เมื่อสมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดี (นักองด้วง) พระเจ้ากรุงกัมพูชา ได้ทราบว่า เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์) ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว องหริรักษ์ระลึกถึงบุญคุณที่เจ้าพระยาบดินทรเดชาได้ช่วยเหลือปราบปรามหมู่ปัจจามิตรทั้งช่วยจัดราชการเมืองเขมรให้ราบคาบเรียบร้อยตลอดมา จึงสั่งสร้างเก๋งขึ้นที่หน้าค่ายใหญ่ ใกล้วัดโพธารามในเมืองอุดงมีชัย (เมืองหลวงเก่าเมืองเขมร) แล้วให้พระภิกษุสุกชาวเขมรช่างปั้นฝีมือเยี่ยมในยุคนั้น ปั้นรูปเจ้าพระยาบดินทรเดชาขึ้นไว้เป็นอนุสาวรีย์ด้วยปูนเพชร และประกอบการกุศลมีสดับปกรณ์เป็นต้นปีละครั้งที่เก๋ง ชาวเขมรเรียกว่า "รูปองบดินทร" ตลอดมาจนบัดนี้ รูปนี้สร้างขึ้นในราวปีจอ พ.ศ. 2392
จากผลงานและคุณงามความดีที่ปรากฏต่อประเทศชาติ ทำให้อนุชนรุ่นหลังสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นเพื่อเคารพสักการะและระลึกถึงพระคุณของท่านหลายแห่ง เช่น เมืองอุดงมีชัย ประเทศกัมพูชา, วัดจักรวรรดิราชาธิวาส (วัดสามปลื้ม) , โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) , โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) , โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา, โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) , โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) นนทบุรี , โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมุทรปราการ ,โรงเรียนเทพลีลา, วัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.ยโสธร , ค่ายบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 อ.มะขาม จ.จันทบุรี , ค่ายเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) , กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว , ค่ายบดินทรเดชา กรมทหารราบที่ 16 อ.เมือง จ.ยโสธร,และอำเภอเมืองหนองคายร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลค่ายบกหวาน ได้ร่วมกันจัดสร้างอนุสาวรีย์ให้กับท่านที่ตำบลค่ายบกหวานเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีที่ทั้งสองท่านได้เป็นผู้เสียสละในการปกป้องอธิปไตยรักษาผืนแผ่นดินไว้ให้กับประชาชนชาวจังหวัดหนองคายและประเทศไทยมาจนทุกวันนี้.
ภาพ/ข่าว ภัทรวินทร์ ลีปาน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดหนองคาย




