- 23 พ.ย. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
(23 พ.ย.) ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช นายวัฒนชัย ศรีธรรม ผู้จัดการโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก 5 ชั้น โรงพยาบาลปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีที่คณะกรรมการตรวจการจ้างและนายช่างผู้ควบคุมงานจ้างไม่ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายและระเบียบราชพัสดุ โดยงบประมาณการก่อสร้างทั้งหมด 80 ล้านบาทเศษแต่บริษัทผู้รับเหมาเดิมได้ทิ้งงานไปขณะที่การก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ และบริษัทไกรสุ คอนสตรัคชั่น จำกัด ได้เข้ามารับจ้างก่อสร้างต่อในวงเงิน 50.6 ล้าน โดยแบ่งงานงานก่อสร้างทั้งหมด 8 งวดคณะกรรมการตรวจรับงานไปแล้ว 7 งวด เหลือที่ 8 งวดสุดท้าย 17 ล้านบาทเศษ ซึ่งตนได้ยื่นเอกสารส่งงานครั้งแรกตามเอกสารเลขรับหนังสื่อที่ 3382 ลงวันที่วันที่ 4 ก.ย.2560 และทาง ผอ.รพ.ปากพนัง ได้เข้าใช้อาคารที่ก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2560 หลังจากนั้นตนได้ทำเอกสารส่งงานซ้ำส่งงานครั้งที่ 2 ตามเลขรับหนังสือที่ 3332 ลงวันที่ 12 ต.ค. 2560 และต่อเนื่องอีก 5 ครั้งจนถึงปัจจุบัน แต่เรื่องก็เงียบหาย ทำให้บริษัท ฯของตนซึ่งรับเหมางานก่อสร้าง ฯได้รับความเสียหายเนื่องจากจำเป็นจะต้องจ่ายค่าจ้างแรงงาน ค่าวัสดุการก่อสร้าง ซึ่งที่ผ่านมามีความขัดแย้งกันภายในโรงพยาบาลจนมีการรวมตัวเรียกร้องให้ย้าย นายแพทย์ไพศาล แก้วนพรัตน์ ผอ.รพ.ปากพนัง ไปปฏิบัติราชการที่ สสจ.นครศรีธรรมราช แต่กลายเป็นว่าความขัดแย้งภายใน รพ.ปากพนัง แต่กลับส่งผลมาถึงบริษัท ฯผู้รับเหมาก่อสร้างให้พลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย
เมื่อวานนี้ (22 พ.ย.) ตนได้เข้ายื่นร้องเรียนต่อสำนักตรวจสอบพิเศษภูมิภาคที่ 14 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินไปเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2560 ตามเอกสารรับที่ 00036 ลงวันที่ 22 พ.ย. 2560 ในเบื้องต้น สตง. ได้แจ้งเบื้องต้นว่า คณะกรรมการตรวจการจ้างและนายช่างผู้ควบคุมงานจ้างไม่ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายและระเบียบราชพัสดุ ว่าด้วย การตรวจการจ้างและควบคุมงานการสร้าง ข้อที่ 72,73 และผู้ว่าจ้างได้เข้าใช้อาคารทั้งโครงการโดยไม่ได้อิดเอื้อน มาจนถึงปัจจุบันก็ยังใช้อาคารในการให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วย แต่ก็ยังไม่ได้ตรวจรับงานจ้างแต่อย่างใด ทางประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างและนายช่างผู้ควบคุมงานส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบ ตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 587 อันว่าการจ้างทำของนั้นคือสัญญาที่บุคคลหนึ่งเรียกว่าผู้รับจ้างตกลงจะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่บุคคลอีกบุคคลหนึ่ง เรียกว่าผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้น มาตรา 597 ถ้าผู้ว่าจ้างยอมรับมอบการที่ทำนั้นแล้วโดยไม่ได้อิดเอื้อน ผู้รับจ้างก็ไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการที่ส่งมอบเนิ่นช้า
นายวัฒนชัย ศรีธรรม ผู้จัดการโครงการก่อสร้าง ฯ กล่าวอีกว่า ตนทราบว่าทางคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างและนายช่างคุมงานสร้างจะมีการทำหนังสือย้อนหลังเพื่อมีมติสั่งปรับการส่งงานล่าช้าจากบริษัท ฯตน 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่มีที่ไหนเขาทำกันอย่างนี้ หากมีการทำหนังสือและเซ็นหนังสือดังกล่าวออกมาจริงยิ่งเป็นการกระทำผิดในการปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ เพราะการปรับงานล่าช้าตามกฎหมายจะยุติลงภายในวันที่รับหนังสือส่งงานครั้งแรกคือวันที่ 4 ก.ย. 2560 การเตะถ่วงไม่ยอมตรวจรับงานจ้างเพราะต้องการเรียกรับผลประโยชน์ใช่หรือไม่ ซึ่งตนยืนยันว่าการก่อสร้างโรงพยาบาลหลายแห่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่มีคณะกรรมการและนายช่างควบคุมงานชุดนี้รับผิดชอบมีเบื้องหน้าเบื้องหลังไม่ชอบมาพากลมาเกือบทั้งหมด เมื่อมาเล่นแง่ทำให้บริษัท ฯและตนเสียหาย ได้รับความเดือดร้อน ตนจะเดินหน้าร้องเรียน สตง.ปปช.และศูนย์ดำรงธรรม รวมทั้งศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาการโรงพยาบาลที่ผ่านมาทั้งหมดต่อไป
ทางด้านนายสุเชษฐ์ ดลล้ำ นายช่างโยธาชำนาญงาน (กองแบบแผน) ผู้ควบคุมงาน เปิดเผยว่า การที่นายวัฒนชัย ศรีธรรม ผู้จัดการโครงการก่อสร้างอาคาร 5 ชั้น โรงพยาบาลปากพนังอ้างว่าประธานคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างและนายช่างผู้ควบคุมงานไม่ยอมตรวจรับงานจ้าง ทั้ง ๆ ที่ทำเรื่องส่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง ๆ แรกวันที่ 4 ก.ย. 2560 และครั้งที่ 2 วันที่ 12 ต.ค. 2560 ตนก็เรียนว่าทางคณะกรรมการ ฯไม่รู้เรื่องเลย ดังนั้นการปรับเงินล่าช้าก็ไม่หยุดต้องเป็นไปเรื่อย ๆ งานก่อสร้างทั้งหมด 8 งวดคณะกรรมการตรวจรับงานไปแล้ว 7 งวด เหลืองวดสุดท้าย 17 ล้านบาทเศษ แต่ทำงานไปได้กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งงานยังไม่แล้วเสร็จเหลือในส่วนของการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์และอื่น ๆ ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์คาดว่าใช้งบประมาณอีกแค่ประมาณ 1.3 ล้านบาท แต่ผู้รับเหมากลับไม่ดำเนินการต่อคณะกรรมการก็เซ็นรับงานไม่ได้ ตนมองว่าผู้รับเหมาคงขาดสภาพคล่องด้านการเงินจึงดำเนินการต่อไปไม่ได้
ส่วนที่อ้างว่าเมื่องานยังไม่แล้วเสร็จทาง รพ.ปากพนังได้ย้ายเข้าไปใช้ประโยชน์มานับเดือนแล้วนั้น เป็นเรื่องอำนาจของ ผอ.รพ.ปากพนัง คณะกรรมการตรวจรับงานจ้างไม่ได้แจ้งหรือบอกว่างานเสร็จแล้วเข้าไปใช้ประโยชน์ในอาคารได้ ซึ่งการสั่งให้เข้าไปใช้ประโยชน์ในอาคารที่ก่อสร้างมันไม่ใช่อำนาจของคณะกรรมการตรวจจับงานจ้างจะเอาเรื่องนี้มาอ้างว่าเสร็จแล้วและให้คณะกรรมการเซ็นรับงานเพื่อขอเบิกเงินงวดสุดท้าย 17 ล้านบาททางตนและคณะกรรมการทุกคนคงดำเนินการให้ไม่ได้อย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงต้นเดือน พ.ย. 2560 แพทย์ พยาบาลและบุคลากรด้านสาธารณสุขของ รพ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช กว่า 40 คน ได้เข้าชื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายแพทย์สาธารณสุข (สสจ.) นครศรีธรรมราช ให้ย้าย นพ.ไพศาล แก้วนพรัตน์ ผอ.รพ.ปากพนัง ออกจากพื้นที่โดยโดยให้เหตุผลว่าบริหารงานไม่โปร่งใส ซึ่งต่อมา นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา และมีการย้าย นพ.ไพศาล ไปปฏิบัติราชการที่ สสจ.นครศรีธรรมราช ก่อนสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จใน 2 สัปดาห์ และเพื่อความเป็นธรรม 2 ฝ่ายทาง สสจ.ได้เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชเซ็นคำสั่งย้ายฝ่ายผู้ร้องจำนวน 4 คนไปปฏิบัติราชการที่ สสจ.นครศรีธรรมราช ด้วยเช่นกัน โดยความขัดแย้งภายใน รพ.ปากพนังส่วนหนึ่งมาจากการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก 5 ชั้น โรงพยาบาล ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ข่าวคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป.
ภาพ/ข่าว ยุทธนะ เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช




