ลมหนาวมาแล้ว !! ว่าวสะพัด ข้างทาง ปชช.แห่ซื้อว่าว เล่นต้อนรับลมหนาว การละเล่นที่กำลังจะสูญหาย

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

วันที่ 25 พฤศจิกายน   60 เวลา16.00  ที่ริมถนนสายอุดรธานี -สามพร้าว  ตำบลสามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี  ได้มีแผงขายว่าว อยู่ริมถนน  เนื่องจากในช่วงนี้เป็นฤดูหนาว และเป็นช่วงฤดูเล่นว่าวของภาคอีสาน  เพราะกระแสลมเหนือที่พัดมาจากประเทศจีนเป็นลมส่ง ทำให้ว่าวขึ้นดีและขึ้นสูง

 

ลมหนาวมาแล้ว !! ว่าวสะพัด ข้างทาง ปชช.แห่ซื้อว่าว เล่นต้อนรับลมหนาว การละเล่นที่กำลังจะสูญหาย

นายบรรจง  อันมาก   อายุ 51 ปี  112  หมู่ 8 บ้านโนนเมือง ต.โนนข่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ที่เป็นเจ้าของแผงว่าวนานาชนิด  เปิดเผยว่า  ในช่วงเดือนตุลาคม- มีนาคม จะเป็นช่วงฤดูหนาว และเป็นฤดูการเล่นว่าวของภาคอีสาน, เดือนเมษายน-เดือนพฤษภาคม เป็นช่วงฤดูว่าวของภาคกลาง ซึ่งจะเล่นกันที่สนามหลวง และมีเทศกาลว่าวไทยด้วย ภาคใต้จากเดือนธันวาคม- เดือนสาม สำหรับภาคเหนือก็ไป  แต่คนภาคเหนือจะเล่นมากที่จังหวัดเชียงใหม่  เพราะภาคเหนือมีหมอกมาก จึงไม่ค่อยเล่นว่าวกัน  ดังนั้นในช่วงเดือนตุลาคม  หลังเก็บเกี่ยวแล้ว ผู้ชายในหมู่บ้านโนนเมือง  เกือบทุกคน พร้อมรถยนต์กระบะประมาณ 50-60 คัน ออกเดินทางเร่ร่อนด้วยรถยนต์กระบะ พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับขายว่าวออกเดินทางไปตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ

ลมหนาวมาแล้ว !! ว่าวสะพัด ข้างทาง ปชช.แห่ซื้อว่าว เล่นต้อนรับลมหนาว การละเล่นที่กำลังจะสูญหาย

ลมหนาวมาแล้ว !! ว่าวสะพัด ข้างทาง ปชช.แห่ซื้อว่าว เล่นต้อนรับลมหนาว การละเล่นที่กำลังจะสูญหาย

โดยตนออกเดินทางจากขังหวัดขอนแก่นมาได้ประมาณ 1 เดือนเศษๆแล้ว  เพื่อนำว่าวไปขายตามจังหวัดต่างๆในภาคอีสาน โดยบรรทุกเอาว่าวและอุปกรณ์ต่างๆบรรทุกใส่รถยนต์กระบะ เดินทางไปตามจังหวัดต่างๆทั่วภาคอีสานให้กับคนที่ชอบเล่นว่าว   โดยว่าวที่ขายอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าวไทย  ที่มีอยู่เพียงไม่กี่ชนิด เช่น ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวปลา ฯลฯ  แต่เป็นว่าวที่ได้มีการพัฒนารูปแบบมาจากว่าวจีน  เช่นว่าวกล่อง ว่าวงู ว่าวปลา  ซึ่งใช้วัสดุผ้าร่มจากประเทศจีนเป็นอุปกรณ์สำคัญในการอุ้มตัวว่าวให้ขึ้นสู้ลม และใช้วิธีการเย็บด้วยจักรเย็บผ้า   แทนการใช้กระดาษแก้วสีติดกาว  เสร็จ แล้วนำเอาโครงมาประกอบภายหลังตามแบบ

สำหรับการขึ้นแบบตัวว่า ก็ใช้วิธีถอดแบบมาจากว่าวจีน  แล้วนำเอาไปให้กลุ่มแม่บ้านทำการเย็บจักรตามแบบ  เสร็จแล้วคนขายก็จะนำเอาไปประกอบตามแบบภายหลัง  ที่สำคัญคนขายจะต้องมีความชำนาญในการทำโครงตัวว่าวด้วยไม้ไผ่ ซึ่งก็ใช้วิธีถอดแบบจากว่าวจีนเช่นกัน ซึ่งโครงตัวว่าวทำจากหลอดพลาสติก ทำให้ว่าวของไทยมีคุณภาพดีกว่า ขึ้นดีกว่าว่าวจีน  เพราะหลอดพลาสติกเมื่อถูกแดดเผานานจะกรอบ หักเสียหาย

ลมหนาวมาแล้ว !! ว่าวสะพัด ข้างทาง ปชช.แห่ซื้อว่าว เล่นต้อนรับลมหนาว การละเล่นที่กำลังจะสูญหาย

ลมหนาวมาแล้ว !! ว่าวสะพัด ข้างทาง ปชช.แห่ซื้อว่าว เล่นต้อนรับลมหนาว การละเล่นที่กำลังจะสูญหาย

ลมหนาวมาแล้ว !! ว่าวสะพัด ข้างทาง ปชช.แห่ซื้อว่าว เล่นต้อนรับลมหนาว การละเล่นที่กำลังจะสูญหาย

นายบรรจง  อันมาก  กล่าวว่า ทุกวันนี้อาชีพการขายว่าว และการเล่นว่าว เหลือค่อนข้างน้อยแล้ว  เพราะเด็กรุ่นใหม่ ไม่ค่อยรู้วิธีการเล่นว่าว  เพราะเด็กรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่ รู้จักแต่เกมส์ และโทรศัพท์มือถือ  ซึ่ง คนหนุ่มสาว ส่วนใหญ่จะไปทำงานโรงงานหรือต่างประเทศกัน  ตนจึงอยากอนุรักษ์อาชีพการขายและเล่นว่าวเอาไว้เพื่อให้คนไทยรุ่นใหม่ได้รู้จัก  เพราะนอกจากเทศกาลเล่นว่าวที่ท้องสนามหลวงแล้ว ในต่างจังหวัดก็มีที่อำเภอห้วยราช จ.บุรีรัมย์ อีกแห่งหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจัดติดต่อกันมาหลายสิบปีแล้ว ในส่วนราคาว่าวที่ขายกันอยู่ในปัจจุบัน จะขายกันอยู่ระหว่างตัวละ 60-200 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของตัวว่าว

นายกนกพล โพศรี อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.5 บ้านนาอุดม ต.ดอนหายโศก อ.หนองหาน จ.อุดรธานี  กล่าวว่า  ตนได้แวะซื้อว่าวกล่อง ในราคาตัวละ 200 บาท พร้อมเชือก  เนื่องจากตนชอบชักว่าวตั้งแต่เด็ก  และแม้ว่าปัจจุบันจะมีอายุมากและมีครอบครัวแล้ว แต่ก็ยังชอบชักว่าวในฤดูหนาวอยู่  โดยเฉพาะในตอนกลางคืนจะติดธนู  หรือสดุ๊ยดุ่ย  และเล่นว่าวเอาขึ้นตอนกลางคืนเอาไว้  เพื่อฟังเสียงของธนู ซึ่งจะเกิดเสียงตลอดทั้งคืน เมื่อถูกลมพัด ดังกล่าว

 

ลมหนาวมาแล้ว !! ว่าวสะพัด ข้างทาง ปชช.แห่ซื้อว่าว เล่นต้อนรับลมหนาว การละเล่นที่กำลังจะสูญหาย

ลมหนาวมาแล้ว !! ว่าวสะพัด ข้างทาง ปชช.แห่ซื้อว่าว เล่นต้อนรับลมหนาว การละเล่นที่กำลังจะสูญหาย

ลมหนาวมาแล้ว !! ว่าวสะพัด ข้างทาง ปชช.แห่ซื้อว่าว เล่นต้อนรับลมหนาว การละเล่นที่กำลังจะสูญหาย

ข่าว/ภาพ  นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี ภูมืภาค สำนักข่าวทีนิวส์