จำคุกเศรษฐินีพันล้านเมืองคอน!!ศาลพิพากษาจำคุก“เจ้จินต์ สำเพ็งเมืองคอน” 1 ปีไม่รอลงอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้-เผยได้รับการยกย่องเป็น“เศรษฐินีใจบุญ"

ผู้สื่อข่าวรายงานมาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2560 ว่า ที่ศาลแขวงนครศรรีธรรมราช ได้มีคำพิพากษาตัดสินจำคุก นางสมจินต์ ไทยสุริยันต์ หรือ นางสมจินต์ จ่าทอง เจ้าของสำเพ็งเมืองคอนและเป็นเจ้าของธุรกิจอีกมากมาย รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่นักธุรกิจในนาม “เจ้จินต์ สำเพ็งเมืองคอน” ซึ่งเป็นคนดังคนหนึ่งของเมืองคอนในความผิด. โกงเจ้าหนี้รวม 2 กระทง โดยกระทงละ 6 เดือน รวม 12 เดือน

โดยมีพนักงานอัยการคดีศาลแขวงนครศรีธรรมราช เป็นโจทก์นายบุญลือ แท่นธรรมโรจน์ เป็นโจทก์ร่วม นางสมจินต์ ไทยสุริยันต์หรือจ่าทอง เป็นจำเลย ซึ่งศาลได้พิเคราะห์ตามข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าโจทก์ร่วมและจำเลยอยู่กินเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสระหว่างนั้นมีทรัพย์ที่ทำมาหาร่วมกันเป็นที่ดินตามโฉนดเลขที่ 46269 46270. และ 34243 ตำบลในเมือง จ.นครศรีธรรมราช ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 719/2550 ระหว่างพิจารณาจำเลยได้โอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่บุคคล อื่นต่อมาคดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำเลยแบ่งกรรมสิทธิ์รวมที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ร่วมตามคดีหมายเลขแดงที่ 8991/2558 จำเลยกระทำความผิดตามโจทก์ ฟ้องโดยจำเลยได้แอบขายที่ดินให้แก่ผู้อื่นโดยใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

                ต่อมาโจทก์ร่วมฟ้องแบ่งกรรมสิทธิ์รวมที่ดินดังกล่าวต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยขายที่ดินให้แก่บุคคลภายนอก คดีแพ่งที่โจทก์ร่วมฟ้องแบ่งทรัพย์สินจากจำเลยย่อมถือได้ว่าโจทก์ร่วมมีฐานะเป็นเจ่าหนี้ของจำเลย เมื่อจำเลยขายที่ดินดังกล่าวเพื่อมิให้โจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยได้รับชำระหนี้ทั้งหมดซึ่งโจทก์ร่วมได้ใช้สิทธิ์เรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้แล้วการกระทำของจำเลย จึงครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 350

ส่วนที่จำเลยนำสืบว่าได้ขายที่ดินดังกล่าวไปเพื่อนำเงินไปชำระหนี้จำนองและก่อนการขายที่ดินจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบแล้วแต่ก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยมีหลักฐานโจทก์ร่วมให้ความยินยอมหรือหลักฐานการชำระหนี้มาแสดงแต่อย่างใด แม้จำเลยอ้างว่ายังมีทรัพย์สินอื่น ๆ อีกหลายรายการที่สามารถชำระหนี้โจทก์ร่วมอันเป็นการต่อสู้ทำนองว่าไม่มีเจตนาโกงนั้นแต่มูลหนี้ที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นหนี้ที่จำเลยต้องแบ่งที่ดินให้แก่โจทก์ร่วมเมื่อจำเลยโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นทำให้โจทก์ร่วมไม่สามารถบังคับชำระหนี้จากที่ดินดังกล่าวได้ ถือว่าจำเลยขายที่ดินโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์ร่วมได้รับชำระหนี้พยานหลักฐานของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมได้ พยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมารับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง

                จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม2 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน พิเคราะห์พฤติกรรมแห่งคดีแล้วกรณีไม่มีเหตุสมควรให้การรอการลงโทษ  หลังจากนั้นทางทนายความของเจ้จินต์ ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป

                ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังศาลพิพากษาจำคุก “เจ้จินต์ สำเพ็งเมืองคอน” เผยแพร่ออกไปสร้างความสนใจให้กับประชาชนโดยเฉพาะในหมู่นักธุรกิจทั้งในและต่างจังหวัดอย่างกว้างขวาง  เนื่องจากเจ้จินต์ เป็นนักธุรกิจที่เป็นนักสู้ตัวจริง จากที่เป็นแม่ค้าธรรมดา ๆ คนหนึ่งจนพลิกผันมาเป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นผู้บุกเบิก “สำเพ็งเมืองคอน” ในปัจจุบันมีหลายสาขาในจังหวัดนครศรีธรรมราช และยังมีธุรกิจหมู่บ้านจัดสรรและอื่น ๆ มีทรัพย์สินมูลค่านับพันล้าน นอกจากนี้ยังบริจาคเงินช่วยเหลือสาธารณะกุศลอย่างต่อเนื่อง จนได้รับการยอมรับว่าเป็น “เศรษฐินีใจบุญ” คนหนึ่ง จึงมีพรรคพวกเพื่อนฝูงโทรศัพท์และเดินทางไปให้กำลังใจ “เจ้จินต์ สำเพ็งเมืองคอน”กันอย่างกว้างขวาง.

ภาพ/ สำเพ็งเมืองคอน จ.นครศรีธรรมราช

ข่าว/ ยุทธนะ เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช