- 31 ม.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 31 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปัจจุบันนี้ท่าอากาศยานตรัง เครื่องบินพาณิชย์โดยสารที่บินระหว่าง กรุงเทพ(ดอนเมือง) -ตรัง และตรัง-กรุงเทพ(ดอนเมือง) วันละ 7-8 ไฟล์ หรือ 14-16 เที่ยวบินต่อวัน ทำให้อาคารที่พักผู้โดยสารหลังเดิมคับแคบ เพราะเที่ยวบินขึ้นลงเวลาใกล้เคียงกันทำให้ ห้องที่พักผู้โดยสารขาเข้า-ขาออก คับแคบลงทันที ดังนั้นในปี 2561 กระทรวงคมนาคม ได้จัดสรรงบประมาณให้ กรมท่าอากาศยาน 116 ล้านบาทสำหรับ ขยายปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสาร เมื่อสร้างแล้วเสร็จสามารถรองรับผู้โดยสารได้ดีขึ้น โดยจะขยายออกทั้งด้านซ้ายและขวาของอาคาร มีอาคารที่เช็คกระเป๋าสัมภาระก่อนขึ้นเครื่องบิน และประตูเข้าออกของเครื่องบิน ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาผู้รับจ้าง ส่วนในปีงบประมาณ 2562-2564 มีการตั้งงบประมาณกว่า 3,600 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ฝั่งตรงข้ามอาคารเดิม งานขยายทางวิ่งหรือ รันเวย์ ออกไปให้ได้ความยาว 3,000 เมตรและกว้าง 60 เมตร รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยภายในสนามบิน
ส่วนประเด็นการขยายต่อเติมความยาวรันเวย์ มีกลุ่มอดีตนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหวให้ มีการขยายรันเวย์ไปทางทิศตะวันออก โดยไม่ได้คำนึงความปลอดภัยของเครื่องบิน เพราะจะห่างจากเขาพับผ้า ไม่ถึง 20 กิโลเมตร เครื่องบินไม่สามารถทำการบินและลดระดับ เพื่อลงสนามบินตรังได้เพราะจะชนกับเขาพับผ้า ทางผู้รับจ้างสำรวจออกแบบ คำนึงถึงความปลอดภัยของอากาศยานและชีวิตผู้โดยสาร จึงออกแบบขยายรันเวย์อีก 900 เมตรไปทางทิศตะวันตก โดยมีเส้นทางรถไฟลอดใต้รันเวย์ เขานุ้ยมีความสูงเล็กน้อยผู้ออกแบบและผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถปรับให้ต่ำลงได้ ซึ่งปัจจุบัน เครื่องบินโดยสารแบบ โบอิ้ง 737-800 หรือแอร์บัส 320-200 บรรทุกผู้โดยสารประมาณ 180 ที่นั่ง รวมน้ำหนักเครื่องบินประมาณ 70-80 ตัน จะเลี้ยวพร้อมลดระดับเครื่องบินไปทางทิศตะวันตก บริเวณทะเลหาดปากเมง เพื่อตั้งลำเครื่องบินลดระดับลงสนามบินตรังเป็นประจำในทุกวันนี้ เพราะมีระยะทางจากปากเมงถึงสนามบิน 35-40 กิโลเมตร แต่มีอดีตนักการเมืองพยายามไม่ให้ขยายทางทิศตะวันตก เพราะมีบ้านของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่เป็นหัวคะแนนของนักการเมือง คอยรับใช้นักการเมืองมาตลอดตั้งแต่รับราชการ จะได้รับผลกระทบ ต้องถูกเวนคืนในการขยายรันเวย์สนามบินทางทิศตะวันตก จึงเป็นที่มาอดีตนักการเมืองออกโน้มน้าวให้ขยายรันเวย์ไปทางทิศตะวันออก
ด้าน พันจ่าเอกเมืองชล วงษ์สุวรรณ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานตรัง เปิดเผยว่า ทุกวันนี้สนามบินตรัง ได้รับการประกาศเป็นสนามบินศุลกากรอยู่แล้ว พร้อมที่จะรองรับเครื่องบินต่างประเทศมาลงได้ ซึ่งการเตรียมความพร้อมเครื่องต่างประเทศมาลงที่ตรัง ต้องทราบกำหนดการล่วงหน้าของเครื่องที่จะมาลงในระยะก่อนกำหนดพอสมควร เพื่อเตรียมความพร้อมรับเครื่องและผู้โดยสารต่างประเทศ เช่นด่านตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร และกักกันโรคต่างๆ ซึ่งต้องเตรียมหน่วยงานเหล่านี้ให้พร้อมด้วย รวมถึงการประสานงานเรื่องบริการน้ำมันอากาศยาน ในส่วนสนามบินตรังถ้าได้กำหนดการที่แน่นอน เราประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆให้พร้อมการบริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ ซึ่งในส่วนของกำลังคนในหน่วยงานข้างต้นตอนนี้กรมท่าอากาศยาน เพิ่มกำลังคนในจำนวนที่เพียงพอต่อการให้บริการอยู่แล้ว ส่วนการขยายอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน ขบวนการตอนนี้อยู่ในช่วงการปรับแก้แบบระยะสุดท้าย ต่อไปเป็นขั้นตอนหาผู้รับเหมามาดำเนินการ คาดว่าในระยะเวลา1ถึง2เดือน ต่อจากนี้น่าจะมีผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการ โดยเป็นการขยายออกไปทางปีกซ้ายและขวา ซึ่งทางปีกซ้ายเป็นในส่วนผู้โดยสารขาออก ในเรื่องการเช็คอิน กระเป๋าสัมภาระ ตั๋วโดยสารต่างๆ รวมถึงในส่วนของการเพิ่มเติมระบบรักษาความปลอดภัยสัมภาระ เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซึ่งมาพร้อมกับอาคารส่วนนี้ ส่วนการขยายด้านปีกขวาเป็นการขยายในส่วนผู้โดยสารขาเข้า จะเป็นสายพานสัมภาระ ในส่วนพื้นที่อาคารหลังเดิม เป็นส่วนขยายพื้นที่ในส่วนผู้โดยสารห้องผู้โดยสารขาออกจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นจากเดิม1เท่าตัว ซึ่งเดิมรับได้แค่ 1 เที่ยวบิน แต่เมื่อขยายสามารถรับได้ 2 ถึง 3 เที่ยวบินพร้อมกันได้ จากบริษัทที่ปรึกษาต่อเติมทางยาวทางวิ่ง จัดหาพื้นที่เติมความยาว 3,000เมตร ผลการศึกษาออกมาจะขยายทางวิ่งต่อไปทางทิศตะวันตกของทางวิ่งปัจจุบัน ซึ่งเป็นเพราะสภาพพื้นที่การจัดการหาพื้นที่เพิ่มเติม ความปลอดภัยการขึ้นลงของอากาศยานขยายไปทิศตะวันตก ความคุ้มค่า โดยมีทางรถไฟลอดใต้รันเวย์ ส่วน เนินเขานุ้ย ขนาดไม่สูงนัก ทางการสำรวจออกแบบ สามารถปรับระดับของเนินเขาลงมาได้สอดรับกับรันเวย์เดิมได้เป็นอย่างดี ส่วนข่าวว่าจะมีการจะขยายรันเวย์ไปทางทิศตะวันออกของสนามบินไม่สามารถทำได้ เพราะใกล้กับเขาพับผ้า แนวเขาบรรทัด มีความสูง บริษัทที่ปรึกษาและสำรวจ เลือก สำรวจแล้วไม่ขยายรันเวย์ไปทางทิศตะวันออกแน่นอน เพราะไม่มีความปลอดภัย หากเครื่องบินจะทำการบินลงทางทิศตะวันออก ส่วนทางทิศตะวันตกเครื่องบินจะไปเลี้ยวทำมุมที่ทะเลหาดปากเมงก่อนตั้งลำลงจอดท่าอากาศยานตรัง รันเวย์ขยายไปทางทิศตะวันตกอย่างแน่นอน ซึ่งการเติบโตของผู้โดยสารท่าอากาศยานตรังใน 10 ปีที่ผ่านมา จะมองผ่านไปอีกข้างหน้า 5 ปีในอนาคตผนวกกับแผนการปรับปรุงขยายในปัจจุบันอาคารจะรองรับได้ 750,000 คนถึง 1,500,000คน ซึ่งจากการที่ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งอีก 5 ปีข้างหน้าคาดการณ์ว่าท่าอากาศยานตรังจะรองรับผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างใกล้เคียง 1,500,000 คน จึงเป็นผลการศึกษาการขยายรองรับผู้โดยสารซึ่งจะใกล้เคียงกับจำนวนผู้โดยสารดังกล่าว ซึ่งดูจากสภาพการเจริญเติมโตของพื้นที่เป็นองค์ประกอบไปด้วย ซึ่งตามแบบที่เตรียมไว้ต้องรองรับผู้โดยสาร 3,500,000 คนต่อปี ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ต้องเตรียมขยายทางวิ่งและรองรับผู้โดยสารปีละ 3,500,000 คนต่อปี เพราะว่าการท่องเที่ยวทางฝั่งอันดามันเจริญเติบโตขึ้นทุกปี โดยสภาพของสนามบินทางด้านนี้ ไม่ว่าภูเก็ต กระบี่ ตอนนี้แน่นขนัด ซึ่งคงจะหนีไม่พ้นทีการท่องเที่ยวขยายมาถึงตรัง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องปรับปรุงขยายสนามบิน เพื่อให้สนามบินสามารถรองรับสภาพการท่องเที่ยวที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต ลานจอดหลักเราใช้สำหรับเที่ยวบินพาณิชย์ซึ่งบินขึ้นลงเป็นประจำทุกวัน ในส่วนของลานจอดเดิมซึ่งอยู่ตรงหอบังคับการบิน เราจะใช้ประโยชน์ในการให้เที่ยวบินเช่าเหมา ไพรเวทชาร์เตอร์ เช่าเหมาส่วนบุคคลขนาดไม่ใหญ่มากที่มาส่งผู้โดยสาร กระบี่ ภูเก็ต ได้มาลงจอดที่ตรังได้ เป็นประจำ
ภาพ/ข่าว สุนิภา หนองตรุด ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ตรัง




