นาทีกอบโกย ! ชาวบ้านบ้านโพนสวางออกหาเก็บขี้ตกหรือยางจากต้นพลวงและต้นยางในป่าแถวหมู่บ้าน ทำกระบองจุดไฟสร้างรายได้

สภาพอากาศที่จ.กาฬสินธุ์ ยังคงหนาวเย็นโดยอุณหภูมิยังลดลง 1-2 องศาเซลเซียสทำให้บริเวณที่ราบอุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ที่ 15 องศาเซลเซียส  ส่วนบริเวณยอดเขาและแนวเขตเทือกเขาอุณหภูมิอยู่ที่ 12 องศาเซลเซียส โดยช่วงเวลากลางดึกถึงเช้าตรูอากาศจะหนาวเย็นและมีลมแรง  ส่วนตอนกลางวันค่อนข้างร้อน  ซึ่งประชาชนต้องดูแลสุขภาพให้ดีเนื่องจากสภาพอากาศยังแปรปรวนหนาวสลับร้อน  ขณะที่ชาวบ้านต้องหารายได้เสริมเพราะยังไม่สามารถเพาะปลูกพืชฤดูแล้งได้ในระยะนี้

นางสอน  โพธิ์บอน  อายุ  67  ปี ชาวบ้านบ้านโพนสวาง  ต.นามะเขือ  จ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า พื้นที่หมู่บ้านติดกับป่าโดยเฉพาะต้นยางนาและต้นพลวง  ซึ่งมียางหรือที่ชาวบ้านเรียกขี้ตก ร่วงหล่นกระจายอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก  ยางหรือขี้ตกเป็นวัสดุติดไฟที่เอาไปทำกระบองขี้ไต้หรือคบไฟในอดีต  และเอาไว้ติดไฟเวลาก่อไฟทำกับข้าวสำหรับบ้านที่ไม่ใช้เตาแก๊สยังใช้ฟืนและถ่าน  เป็นวัสดุที่หาง่ายถ้ามีป่ามีต้นไม้  สำหรับขี้ตกเป็นที่ต้องการของตลาดในชุมชนอย่างมาก  โดยบรรจุใส่ใบตองวางจำหน่ายในตลาดราคาห่อละ 40 บาท ในปริมาณประมาณ 1 กำมือ

“ช่วงนี้ว่างเว้นจากการทำการเกษตรได้ออกหาเก็บขี้ยางหรือขี้ตกที่หล่นลงพื้นตามป่าและในหัวไร่ปลายนา 1 วันอาจจะได้ขี้ตกมากถึง 10 กก.  บางวันอาจได้น้อยทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ  แต่ทุกวันนี้ต้นพลวงหรือยางพลวงเริ่มหายากและมีน้อยลง  เท่าที่มีในพื้นที่หน้าแล้ง  หลังหมดฝนยังพอได้ออกมาเก็บขี้ตกเดิมทีเอาไว้เองในครัวเรือน  เก็บสะสมจนมีจำนวนมาก  ชาวบ้านมาขอซื้อได้แบ่งขายและเริ่มจำหน่ายเรื่อยมา 5 บาท 10 บาท ตามแต่จำนวนเงินที่ซื้อ และนำไปวางขายที่ตลาดชุชนยังพอได้ขาย  นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าออกตระเวนรับซื้อเพื่อไปทำกระบองขี้ไต้ หรือกระบองคบไฟ เกิดเป็นรายได้พอเลี้ยงตัวเองวันละ 100 -200 บาท “ นางสอน กล่าว

สำหรับขี้ตก  เป็นยางไม้ที่ไหลออกจากต้นยางพลวง ลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปถึงสีน้ำตาลเข้ม โดยน้ำยางจะออกตามลำต้น และกิ่งก้านต่าง ๆ ก่อนจะตกลงมายังพื้น  โดยชาวบ้านมักนิยมนำมาคลุกกับขุยของต้นยางพลวงก่อนมาทำเป็นกระบองขี้ไต้  และเป็นเชื้อเพลิงในการติดไฟประเภทเตาฟืนและเตาถ่าน  ในเวลาหุงหาอาหาร  เพราะน้ำยางต้นยางพลวงจะติดไฟได้โดยง่าย  โดยต้นยางพลวงเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก  มีความสูงประมาณ 10-20 เมตร มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นหลายชื่อเช่น กุง ในแถบภาคอีสาน  ตรึงขาวในแถบภาคเหนือ  ส่วนยางพลวงเป็นชื่อเรียกในแถบภาคกลาง

ชมพิศ  ปิ่นเมือง -ภาพ/ข่าว   ข่าวภูมิภาคสำนักข่าวทีนิวส์ จ.กาฬสินธุ์