- 16 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดตรัง โดยเฉพาะในอำเภอกันตัง ซึ่งเคยเป็นเมืองท่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก อีกทั้งยังเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ได้รับอิทธิพลด้านอาหารมาจากประเทศจีน จนนำมาสู่การคิดค้นทำขนมไหว้เจ้านานาชนิด ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาช้านานแล้ว ต่างเร่งปรุงขนมต่างๆ อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มีความเป็นมงคลที่สุด ทั้งรสชาติที่แสนอร่อย และหน้าตาที่สวยงาม สำหรับใช้เซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาฟ้าดิน หรือบรรพบุรุษ เนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆ รวมทั้งเทศกาลตรุษจีน 2018 นี้
นับตั้งแต่การทำขนมเข่ง ซึ่งจะมีจุดเด่นตรงที่มีสีน้ำตาลใส และมีรสชาติหอม เนื่องจากจะใช้แป้งข้าวเหนียว ผสมกับน้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลอ้อยป่น แทนที่จะใช้น้ำตาลทรายขาวธรรมดา เหมือนอย่างที่อื่นๆ ก่อนนำไปนึ่งนานถึงครึ่งวัน หรือ 12 ชม ซึ่งจะได้แป้งที่มีสีน้ำตาล และมีความหอมมาก พร้อมทั้งยังสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 2 สัปดาห์ ซึ่งแตกต่างจากขนมเข่งทั่วไปที่นึ่งแค่เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ส่วนอีกหนึ่งของขนมมงคล ซึ่งนิยมใช้เซ่นไหว้ในเทศกาลตรุษจีน ก็คือ ขนมหน้าแตก หรือ ฮวกก้วย หรือที่คนไทยเรียกว่า ขนมถ้วยฟู อันหมายถึงความเจริญงอกงาม รุ่งเรื่องเฟื่องฟู รวมทั้งขนมเต่าแดง หรือ อั่งกู่ หรือมีความหมายของขนมมงคลชนิดนี้ว่า ไหว้แล้วให้อายุยืนยาวเหมือนเต่าที่อายุยืน ขณะที่วิธีการทำก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นเช่นกัน ด้วยการใช้แป้งข้าวเหนียว มาผสมกับไส้ถั่วเขียว แล้วปั้นใส่พิมพ์รูปเต่า เมื่อนำไปนึ่งประมาณ 6 นาที ก็จะได้ขนมเต่าแดงที่สวยงามน่านำไปใช้ในการเซ่นไหว้
นายธนะพนธ์ พรทวีกุลธรรม หนึ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สืบทอดขนมมงคลเมืองกันตัง กล่าวว่า สำหรับขนมไหว้เจ้าทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ ขนมเข่ง ขนมหน้าแตก และขนมเต่าแดง จะถูกรวมเรียกว่า ซาเจงโจ๊ย ซึ่งหมายถึงขนมนึ่งครบสามอย่างที่ชาวไทยเชื้อสายจีนทำสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยปัจุบันนี้ก็ยังอยู่คู่กับประเพณีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวอำเภอกันตังต่อไป
ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค ทีนิวส์ จังหวัดตรัง




