ไม่ได้ฝันแต่มันเรื่องจริง!!ฮือฮาสุด ๆผุดโครงการ“อ่าวนางแลนด์มาร์ค”ทุ่มงบ 6,000 ล้านเนรมิตสวรรค์บนดินทำเลทองผืนสุดท้ายในการลงทุนครบวงจร(คลิป)

(23 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานในจังหวัดกระบี่และกลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุนทั่วเอเชียต่างวิพากวิจารณ์และจับตาการลงทุนขนาดใหญ่ใน จ.กระบี่ ของนักธุรกิจด้านอสิงหาริมทรัพย์ชื่อดังที่ผุดโครงการ “อ่าวนางแลนด์มาร์ค” ริมชายหาดอ่าวนาง ในท้องที่หมู่ 3 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ทำเลทองผืนสุดท้ายและสวยงามที่สุดใน จ.กระบี่ เนื้อที่ประมาณ 55 ไร่เศษ โดยเป็นการลงทุนระยะยางมูลค่ากว่า    6,000 ล้านบาท

 โดยรายละเอียดในโครงการจะถนนมาตรฐานตัดผ่าน การเดินทางไปมาสะดวก มีที่จอดรถที่กว้างขวาง มีความทันสมัยเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นโครงการแรกและโครงการเดียวในจังหวัดกระบี่และภาคใต้ที่จะพัฒนาคอมมูนิตี้ มอลล์ ริมทะเลอ่าวนาง  สร้างแหล่งการค้าที่ครับครันที่สุด รองรับผู้ประกอบการและนักลงทุนในทุกรูปแบบ ตั้งแต่การลงทุนเพื่อทำการค้า การลงทุนด้านที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร บริการท่อเที่ยว นำเที่ยว โดยจะเป็นการพัฒนาที่ครบวงจร เหมาะแก่การลงทุนเพื่อเก็งกำไร ฯลฯ โดยการดำเนินการจะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และระบบสาธารณูปโภค จัดสรรเป็นระบบ zoning ทั้งด้านการค้าการลงทุน การบริหารจัดการด้านพื้นที่ให้เหมาะสมกับการเป็น "แลนด์มาร์ค" ของอ่าวนางอย่างแท้จริง  ซึ่งในปัจจุบันเริ่มมีการเข้าไปพัฒนาพื้นที่เป็นรูปเป็นร่างชัดเจนบ้างแล้ว นอกจากนี้ยังมีการขึ้นป้ายโฆษราขนาดยักษ์ตามจุดต่าง ๆ ทั่วเมืองกระบี่ จนกลายเป็นที่แตกตื่นฮือฮาของนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ  อย่างไรก็ตามนักลงทุนและประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่แน่ใจว่าโครงการยักษ์ใหญ่ขนาดนี้จะเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวจริงหรือไม่

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้นายธนพัฒน์ พัฒศรีเรือง กรรมการผู้จัดการ บริษัทอ่าวนางแลนด์มาร์ค จำกัด เจ้าของแนวคิดโครงการ “อ่าวนางแลนด์มาร์ค เปิดเผยว่า โครงการ “อ่างนางแลนด์มาร์ค “ เกิดขึ้นในพื้นที่อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่อย่างแน่นอน ซึ่งจุดเริ่มต้นของการลงทุนในโครงการนี้เกิดขึ้นจากตนมีภูมิลำเนาเป็นคน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช แต่ได้ไปเติบโตทำธุรกิจด้านอสิงหาริมทรัพย์ในกรุงเทพและจังหวัดอื่น ๆ มานานกว่า 30 ปี สั่งสมความรู้และประสบการณ์มากมาย  และคิดว่า จ.กระบี่ ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก แม้ขนาดพื้นที่ของจังหวัดไม่ได้ใหญ่โตมากมาย  แต่กลายเป็นศูนย์กลางของจังหวัดการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวของฝั่งอันดามันได้อย่างไม่น่าเชื่อ สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวติดอันดับ 5 ของประเทศ และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นต้องมีโครงการขยายท่าอากาศนานาชาติกระบี่เพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า ซึ่งตนคิดว่าจังหวัดกระบี่คงไม่ได้ต้องการแค่รักษารายได้จากการท่องเที่ยวแค่อันดับที่ 5 เท่านั้นแต่น่าจะมองไปไกลกว่านั้น

                “นักท่องเที่ยวทุกชาติที่เดินทางมาลงที่ท่าอากาศยานกระบี่ เพื่อท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่ไม่ได้พักในตัวเมืองกระบี่ แต่ส่วนใหญ่จะมุ่งหน้ามาที่เดียวกันคือ "อ่าวนาง" ชายทะเลมีชื่อเสียง มีความสวยงาม และมีเสน่ห์ที่สุดในจังหวัดกระบี่  อ่าวนางจึงเป็นสถานที่ที่มีนักลงทุนเข้ามาซื้อที่ดินสร้างโรงแรมและที่พักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี  เมื่อตนได้มาพบเห็นที่ดินแปลงที่สวยที่สุดและเป็นแปลงที่ใหญ่ที่สุดที่สำคัญเหลือเป็นแปลงสุดท้าย จึงตั้งโจทก์ขึ้นมาว่าที่ดินเป็นแปลงนี้น่าสนใจ น่าติดตามว่าจะมีการพัฒนาไปในทางไหน อย่างไรเพื่อให้เป็นศูนย์รวมความยิ่งใหญ่ทุกสรรพสิ่งใน จ.กระบี่และภาคใต้ จึงได้หารือกับคุณพรทิพย์ กิตติธรกุล ประธานบริหาร บ.อ่าวนาง แลนด์มาร์ค จนนำมาสู่โครงการนี้และแน่นอนว่าที่ดินแปลงนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กลายเป็นโครงการ “อ่าวนางแลนด์มาร์ค” ที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดอยู่ในขณะนี้”

นายธนพัฒน์ พัฒศรีเรือง กล่าวอีกว่า "โครงการอ่าวนาง แลนด์มาร์ค" บนพื้นที่กว่า 55 ไร่ติดทะเล มีถนนตัดผ่าน ไปมาสะดวก มีที่จอดรถที่กว้างขวาง มีความทันสมัย เป็นโครงการแรกและโครงการเดียวในจังหวัดที่พัฒนาคอมมูนิตี้ มอลล์ ริมทะเล สร้างแหล่งการค้าที่ครับครันที่สุด รองรับผู้ประกอบการและนักลงทุนในทุกรูปแบบ ตั้งแต่การลงทุนเพื่อทำการค้า ,การลงทุนด้านที่พัก ที่จะมีการก่อสร้างที่พักไว้รองรับนักท่องเที่ยวกว่า 20,000 ห้อง และเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดกระบี่และจังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ  ก็สามารถเดินทางจากจุดอ่างนางแลนด์มาร์คได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

                “สำหรับการออกแบบตัวอาคารเป็นรูปหยดน้ำ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากทำเลที่ตั้งโครงการ ฯที่อยู่ติดทะเล อีกทั้งอาคารเพื่อการพาณิชย์ที่ออกแบบให้ทันสมัย แต่ก็ไม่ลืมผสมผสานสไตล์อนุรักษ์ไทยเข้าไปได้อย่างคลาสสิค  ก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีของ Lindab ประเทศสวีเดน พร้อมด้วยการจัดสรรพื้นที่ให้เป็น "Krabi Beach Walk" เต็มรูปแบบ ผสมผสานร้านค้าแบรนด์เนม และร้านค้าท้องถิ่นเข้าด้วยกัน พร้อมลานวัฒนธรรม ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่และภาคใต้ เป็นต้น โดยมีเส้นทางเดิน"Beach Walk" ขนาดใหญ่เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กม. ดังนั้นโครงการอ่าวนางแลนด์มาร์คนอกจากจะโดดเด่นในเรื่องทำเลที่ตั้งติดชายทะเลที่สวยงามแล้ว ยังโดนเด่นที่รูปแบบการพัฒนาที่ครบวงจรสุดทันสมัยและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและระบบสาธารณูปโภค โดยมีการจัดสรรเป็นระบบ zoning ทั้งพื้นที่ด้านการค้าการลงทุน ศูนย์การค้าและช็อปปิ้ง โรงแรมที่พัก ลานจัดแสดงสินค้าและบริการ ลานวัฒนธรรม ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว จ.กระบี่และภาคใต้  เป็นต้น ซึ่งจะมีการบริหารจัดการด้านพื้นที่ให้เหมาะสมกับการเป็น "แลนด์มาร์ค" ของอ่าวนางอย่างแท้จริง เหมาะแก่การลงทุนเพื่อเก็งกำไรด้วย ขอให้เชื่อเถอะว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ทำเลทองแห่งสุดท้ายแล้วที่อ่าวนาง จ.กระบี่  ซึ่งทุกคนจะแปลกใจกับราคาในช่วงการเปิดตัวของโครงการนี้จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้  ซึ่งจะเป็นแรงดึงดูดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากให้หลั่งไหลมาสู่ “อ่าวนางแลนด์มาร์ค” อย่างแน่นอน และขอเชิญชวนนักลงทุนและผู้ประกอบการทุกท่าน เดินทางเยี่ยมชมโครงการได้แล้วตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 2561 นี้ โดยในเดือนมิถุนายน 2561  จะเป็นการเปิดตัวโครงการ “อ่าวนางแลนด์มาร์ค”อย่างยิ่งใหญ่ อลังการชนิดที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในภูมิภาคนี้ นายธนพัฒน์ พัฒศรีเรือง กล่าว

                ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเปิดตัวแนะนำโครงการในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 นี้มีกำหนดการเบื้องต้นดังต่อไปนี้เวลา  08.30-09.00.  ลงทะเบียน  เวลา 09.00-10.00 ดนตรี เวลา 10.00   คุณพรทิพย์ กิตติธรกุล. ประธานบริหาร บริษัทอ่าวนาง แลนด์มาร์ค กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ เวลา  10.05-10.20. นายพันคำ  กิตติธรกุล นายก อบต. กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ เวลา 10.25-10.25. หม่อมหลวง ชาญโชติ ชมพูนุช กล่าวแสดงความยินดี  10.25 -10.35. คุณธนพัฒน์ พัฒศรีเรือง กล่าวที่มาและเป้าหมายของโครงการ  เวลา 10.35-10.40. คุณกริชรงค์  กิตติธรกุล  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ  กล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน  เวลา 10.45-11.45. แขกเยี่ยม ชมโครงการ  และเวลา 11.45-12.00. ร่วมรับประทานอาหาร-  ดนตรี ณ ร้านอาหารเรือนทิพย์ สาขาคลองส อ.เมือง จังหวัดกระบี่.

ยุทธนะ  เตมะศิริ   ผู้สื่อข่าวภูมิภาค   สำนักข่าวทีนิวส์  จ.นครศรีธรรมราช/รายงาน