- 01 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 1 มี.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรพจน์ เพ็ญพาส ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา ที่โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีระดับท้องถิ่นฯ ฝ่ายกัมพูชา นำโดย นายซวน บอวอ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมด้วยคณะ และฝ่ายไทย อาทิ นายภูสิต สมจิตต์ นายรณรงค์ นครจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นายณัฎฐชัย นำพูลสุขสันต์ ปลัดจังหวัด นางสาวจันทร์เพ็ญ สอนสมสุข พาณิชย์จังหวัด นายอำเภออรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ ผู้กำกับการสถานีตำรวจคลองลึก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมกว่า 50 คน ซึ่งภายหลังคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา ระดับท้องถิ่นฯ ทั้งสองฝ่ายลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม ได้มีพิธีผูกผ้าขาวม้าต้อนรับคณะฝ่ายกัมพูชา แนะนำคณะกรรมการฯ และเริ่มเข้าสู่ระเบียบวาระเรื่องการหารือกรณีพิพาทหลักเขตแดนที่ 43 โดยคณะกรรมการทั้งสองฝ่าย ได้เดินทางลงพื้นที่ไปดูบริเวณจุดผ่อนปรน ที่บริเวณหลักเขตแดนที่ 43 บ้านโนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ภายหลังการประชุมด้วย
นายรณรงค์ นครจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ประชุมหาข้อสรุปร่วมกันในการพัฒนาบริเวณหลักเขตที่ 43 ให้เป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ โดยไม่มีการพูดถึงข้อพิพาทระหว่างประเทศกรณีหลักเขตแดน เนื่องจากเป็นเรื่องของการพิจารณาของคณะกรรมการระดับประเทศ แต่การพูดคุยระดับพื้นที่เป็นการพิจารณาร่วมกันเพื่อให้การค้าขายระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ เป็นไปด้วยความสะดวก โดยมีความเห็นตรงกันที่จะเปิดเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าฯ เพราะจะได้เข้าออกกันในช่องทางที่สามารถตรวจสอบได้ แก้ปัญหาคนลักลอบได้ การค้าขายข้ามไปมาระหว่างประเทศจะได้สะดวกขึ้น เจ้าหน้าที่รัฐก็ตรวจสอบได้ด้วย โดยจะดำเนินการร่วมกันเพื่อเปิดให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่บริเวณจุดผ่อนปรนหลักเขตแดนที่ 43 บ้านโนนหมากมุ่น ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว อยู่ตรงข้ามกับ บ้านไปรจัน ต.โอไบเจือน อ.โอโจรว จ.บันเตียเมียนเจย ปัจจุบันมีการลักลอบนำแรงงานกัมพูชาและสินค้าที่ไม่ผ่านขั้นตอนศุลกากรเข้าสู่ประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งพื้นที่ทับซ้อนบริเวณหลักเขตที่ 43 มีคนไทยซึ่งทำกินมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย 11 ราย อ้างสิทธิครอบครอง แต่มีหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา อยู่ห่างถนนศรีเพ็ญเพียง 200-300 เมตรเท่านั้น ทั้งนี้ การพัฒนาบริเวณดังกล่าวเพื่อเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้า ได้มีการพูดคุยกับเกษตรกรที่ครอบครองที่ดินดังกล่าวแล้วทั้ง 11 ราย ซึ่งได้ข้อสรุปว่า หากการก่อสร้างถนนเพื่อเชื่อมต่อระหว่างประเทศกัมพูชาและไทย ของบริษัทสัมพันธมิตร ผ่านแปลงที่ดินที่เกษตรกรรายใดครอบครองอยู่ ก็จะมีการจ่ายเงินค่าชดเชยให้เกษตรกรตามข้อตกลง ดังนั้น คาดว่าจะมีการก่อสร้างถนนได้แล้วเสร็จในโครงการฯ เร็ว ๆ นี้
ยุทธนา พึ่งน้อย ผู้สื่อข่าวภูมิภาคสำนักข่าวทีนิวส์ จ.สระแก้ว




