ไขข้อสงสัย ! น้ำยาแอร์หายไปไหน ต้องเติมทุกครั้งที่ล้างแอร์หรือเปล่า จริงๆ คืออะไรกัน หาคำตอบได้ในข่าวนี้..!? (ชมคลิป)

เมื่อถึงเวลาต้องล้างแอร์ เพื่อให้ได้ความเย็นกลับมาเต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมนั้นหมายความว่า ช่องครีบอลูมิเนียม ที่ระบายความเย็นเริ่มมีการอุดตันจากฝุ่นละอองต่างๆ เมื่อเรียกช่างบริการมาล้างแอร์ ช่างมักบอกว่า “เติมน้ายาด้วยมั้ยครับ น้ายาขาด” หลายครั้งเจ้าของแอร์จะบอกว่า “เช็คดูถ้าขาดก็เติมเลย” ลองคิดดูครับว่า น้ายาแอร์หายไปไหน จริงหรือ???? ระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศ หรือระบบทำความเย็น จะเป็นระบบปิด การทางานของระบบจะต้องไม่มีรอยรั่ว ดังนั้นตามหลักทฤษฎีแล้ว สารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ จะไหลเวียนเปลี่ยนสถานะตัวเอง ให้เป็นก๊าซและของเหลวตามหลักการทาความเย็นอยู่แล้ว โดยสรุปทางทฤษฎีคือ “ สารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์จะไหลเวียนในระบบปิด ไม่สูญหายไป” แล้วทำไม?? มันหายไปจริงๆ หายไปได้อย่างไร นี่คือคาถาม เหตุที่มันหายไป...ไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ แต่มันคือ เหตุและผล อาจสรุปเหตุต่ำงๆได้ดังนี้..

1. การประกอบท่อสารทาความเย็น เพื่อ เชื่อม ระบบเข้าระหว่าง คอยส์ร้อน กับ คอยส์เย็น จะต้องมีข้อต่อเข้าด้วยกันกรรมวิธีการต่อ คือ ต้องใช้อุปกรณ์ในการขึ้นรูปปลายท่อทองแดงที่จะต้องต่อและขันเชื่อมกับตัวเครื่อง ทั้งคอยส์ร้อนและคอยส์เย็น อาจเกิดจากความบกพร่อง ของเครื่องมือที่ขึ้นรูป หรือเครื่องมือตัดท่อ ทาให้ผิวท่อไม่เรียบ เมื่อประกอบเข้ากับเกลียว ทาให้ท่อที่ขึ้นรูปไม่แนบสนิท กับข้อต่อที่เครื่อง จุดนี้ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทาให้สารทาความเย็นรั่วไหลออกมาได้ มากบ้าง น้อยบ้างตามแต่กรณี

2. เกิดจากการขันข้อต่อที่เข้าเครื่อง แน่นเกินไปทาให้ปลายท่อที่ประกบเข้ากับเครื่อง แตกหรือร้าวภายใน ซึ่งมองไม่เห็นเมื่อประกอบเข้ากับตัวเครื่องแล้ว หรือขันข้อต่อแน่นไม่พอ ไม่เป็นไปตามกาหนดของผู้ผลิต ซึ่งช่างสามารถทาได้โดยใช้ประแจปอนด์ ( ประแจทอร์ค ) ตั้งค่าตามกำหนดของผู้ผลิต จะทาให้เกิดความถูกต้องของงานมากขึ้น

3. เกิดจากแนว เชื่อมต่อท่อทองแดงสารทำ ความเย็น ที่ไม่ดีพอในกรณีที่ท่อมีความจำเป็นต้องต่อความยาว ให้เหมาะกับการทางาน เมื่อใช้งานเนื่องจากสารทาความเย็นมีแรงดันสูง ทาให้เกิดรอยรั่ว เป็นเหตุให้สารทาความเย็นค่อยๆ รั่วออกไปจากระบบ

4. อาจเกิดจากความบกพร่องในการผลิต รั่วที่คอยส์ร้อนหรือคอยส์เย็น ซึ่งกรณีนี้พบได้น้อยมาก เพราะผู้ ผลิตมี มาตรฐานในการตรวจสอบอยู่แล้ว ตามระบบการตรวจเช็ค

กรณีที่กล่าวข้างต้นมีความเป็นไปได้ที่จะพบว่าน้ายา หรือสารทาความเย็นหายไป จะพบว่ามากบ้าง น้อยบ้างแต่ถ้ารั่วน้อย อาจไม่ มีผลมากนักในระยะสั้น แต่อาจมีผลในระยะยาว บางที 2-3ปี ถึงได้รู้ว่าสารทาความเย็นขาดหรือไม่พอ ทางกลับกันหากรั่วมาก อาจรับรู้ผลในระยะสั้นก็ได้ นี่คือบางส่วนของเหตุผลที่ น้ายาหรือสารทาความเย็นขาด

ต้องยอมรับครับว่า ความบกพร่องจากการทำงาน เครื่องมือที่สึกหรอ ก็เป็นสาเหตุได้ทั้งสิ้น

การวัดสารทำความเย็นต้องวัดเมื่อไร ถึงจะได้ค่าที่ถูกต้อง และสรุปได้ว่า พอ หรือ ไม่พอ

การวัดสารทาความเย็นนั้น จะต้องวัดด้วยเครื่องมือ มานิโฟล์เกจ หรือที่เห็นช่างแอร์ใช้ มีลักษณะเป็นเพรชเชอร์เกจ อาจจะ 1 เกจ หรือ 2 เกจคู่ ถ้าเป็นกจคู่จะพบว่ามีเกจมีสีฟ้าและสีแดงคู่กัน พร้อมมีสาย 3 สาย สีฟ้า สีเหลือง สีแดง ช่วงเวลาการวัดที่อ่านค่าสารทาความเย็นในระบบนั้น จะต้องวัดหลังจากเครื่องเดินและคอมเพรสเซอร์ทางานไปแล้ว ไม่น้อยกว่า 15 นาที จึงจะได้ค่าที่ค่อนข้างเป็นจริง เพื่อสรุประดับน้ายาหรือสารทาความเย็นนั้น และที่สำคัญ ต้องวัดหลังการล้างทาความสะอาดทั้งคอยส์ร้อนและคอยส์เย็น ให้โล่งปราศจากฝุ่นที่อุดตัน จะทาให้ค่าการอ่านเป็นจริงมากยิ่งขึ้น หากวัดในขณะที่คอยส์ร้อน คอยส์เย็นสกปรก ลมเข้าและลมออกไม้สะดวก นั่นหมายความว่า คุณสมบัติการเปลี่ยนสถานะของน้ายา ไม่สมบูรณ์ แทนที่สารทาความเย็นจะกลับมาที่คอมเพรสเซอร์เป็นแก็ส แต่กลับมาเป็นของหลว ทาให้ค่าของการวัดผิดพลาด การวัดค่าแรงดันต้องวัดในขณะสารทาความเย็นเป็นแก็ส จึงจะได้ค่าที่แน่นอนและสรุปผลได้ถูกต้อง

อย่าวัดสารทำความเย็นก่อนการล้างแอร์เพราะค่าที่อ่านได้จะต่ำ ทำให้เข้าใจผิด คิดว่าน้ำยาขาด

 

ขอขอบคุณ ยืนต้นแอร์ สำหรับขัอมูล

ศรีภูมิ แฉล้มล้ำ เรียบเรียง ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวทีนิวส์ภาคตะวันออก