งานนี้ต้องเอาให้เข็ด ! ตม.สั่งถอนวีซ่านักปั่นหุ้น "จีน" เผยเตรียมผลักดันกลับประเทศ..!? (ชมคลิป)

ช่วงเช้า 10 พ.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวพร้อมคณะเดินทางมาสอบปากคำนักปั่นหุ้นชาวจีนที่ถูกควบคุมตัวอยู่บริเวณห้องประชุมชั้นที่ 4 สภ.เมืองอุบลราชธานี ปรากฏเมื่อคณะของรองผู้บัญชาการจะเดินเข้าไปในห้องประชุมพร้อมผู้สื่อข่าว กลุ่มนักปั่นหุ้นชาวจีนพากันลุกขึ้นมาโวยวาย ไม่ให้เจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวเข้ามาในห้อง โดยบางคนใช้เท้าถีบเก้าอี้ใส่เจ้าหน้าที่ชุดแรกที่เดินเข้าไปในห้อง

 

 

 จนต้องมีการเจรจา โดยกลุ่มนักปั่นหุ้นจีนยินยอมให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์และคณะเข้ามาสอบปากคำ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้ามาภายในห้อง โดยใช้เวลานานประมาณ 30 นาที คณะได้เดินทางต่อไปยังแมนชั่นที่กลุ่มนายทุนชาวจีนได้เข้ามาเช่าแบบเหมาอาคารเดือนละ 5 แสนบาท เพื่อใช้เป็นที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตกลับไปยังตลาดหุ้น และใช้เป็นที่พักของนักปั่นหุ้นชาวจีนทั้ง 166 คน

โดยวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ไอทีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัด และอีกหลายหน่วยงานของสำนักตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้ตรวจยึดไว้ทั้งหมด 203 เครื่อง เพื่อดูว่ามีการออนไลน์เข้าไปยังตลาดหุ้นของจีนในส่วนใดบ้าง และได้ทำความเสียหายให้กับตลาดหุ้นอย่างไรบ้าง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประสานความร่วมมือกับทางการจีนตาม พรบ.หลักทรัพย์ที่ประเทศไทยมีความร่วมมือกับทางประเทศจีน

             เบื้องต้นจากการตรวจสอบหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กลุ่มชาวจีนใช้ออนไลน์ มีการระบุติดต่อไปยังบริษัทเอกชนต่างๆในประเทศจีน ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังไม่ยืนยันว่า มีการติดต่อและทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นด้วยหรือไม่ เพราะต้องรอนำฮาตดิสคอมพิวเตอร์ทั้ง 203 ตัวไปทำการตรวจสอบยืนยันความชัดเจนก่อน

 

 

 

            ต่อมาช่วงเที่ยงเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ได้เข้าประชุมกับทีมงานชุดจับกุมนักปั่นหุ้นชาวจีน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ กลต.ระบุว่า หากพบมีการทำธุรกรรมซื้อขายหุ้น โดยไม่ได้ขออนุญาตจาก กลต.ก็ถือเป็นความผิด แต่เบื้องต้นยังยืนยันไม่ได้ว่ามีการซื้อขาย หรือเป็นเพียงการชี้ชวนหานักลงทุนชาวจีนเข้ามาร่วมเล่นหุ้น ซึ่งต้องดูจากข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยึดไว้ก่อน

 

 

            แต่เบื้องต้นสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ใช้กฏหมายของ ตม.สั่งปรับผู้ดูแลแมนชั่นดังกล่าวฐานข้อหาเป็นเจ้าบ้านไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เมื่อมีคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยเป็นเงินตามรายหัวของชาวจีนที่เข้ามาพักคนละ 1,600 บาท รวมเป็นเงินที่ถูกปรับทั้งสิ้น 265,600 บาท พร้อมได้เรียกนายจักรกฤช คันธจันทร์ อายุ 35 ปี ผู้จัดการทั่วไปมาให้ปากคำเรื่องการติดต่อขอเช่าที่พัก การนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาติดตั้งให้กับชาวจีน

 

 

            และยังได้ประสานไปยังเจ้าของอาคารแมนชั่นที่เป็นสุภาพสตรีทางโทรศัพท์ โดยเจ้าของแมนชั่น ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ให้รายละเอียดในเบื้องต้นว่า ได้รับการติดต่อจากบริษัทแห่งหนึ่งขอเช่าที่พักแบบเหมาทั้งอาคารในราคาเดือนละ 5 แสนบาท และผู้เข้าพักได้ให้แมนชั่นทำการติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ซื้อในประเทศไทย พร้อมอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ด้วย ซึ่งผู้เช่าได้เข้ามาทำการวางระบบและเปิดใช้งานได้ประมาณ 1 เดือน เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาตรวจสอบ

            ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวกล่าวถึงการดำเนินการกับชาวจีนกลุ่มนี้ว่า สำหรับการกระทำของกลุ่มชาวจีนถือเป็นความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสั่งให้เพิกถอนวีซ่าของคนจีนกลุ่มนี้ และกักตัวไว้รอการผลักดันออกนอกประเทศ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ กลต.จะทำการตรวจข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ว่าข้อมูลที่มีอยู่เป็นการปั่นหุ้นหรือไม่ หรือมีการทำผิดเรื่องใดบ้าง

 

 

 

 

            ในเบื้องต้นพบมีการประกอบธุรกิจในประเทศไทยจริง และไม่ได้ขออนุญาต จึงถือเป็นความผิดมีโทษปรับและจำคุก และช่วงบ่ายกงศุลจีนจะเดินทางมาตรวจสอบด้วย หากพบการผันผวนในตลาดหุ้นในประเทศจีน และมีผู้เสียหาย ก็ต้องดำเนินการในส่วนของทางการจีนต่อไป

 

 

 

 

            และในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำรถปรับอากาศมารับคนจีนทั้งหมด เพื่อนำตัวไปกักกันไว้ที่ ตม.สวนพลู กรุงเทพฯ รอการผลักดันกลับประเทศ สำหรับช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่กงศุลจีนได้เข้ามาพบกับชาวจีนที่ถูกกักตัวไว้ที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวติดตามไปทำข่าวแต่อย่างใดด้วย

ภาพ/ข่าว ทัศดาว  สว่างอารมย์  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.อุบลราชธานี