เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสน ชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา นำออกโชว์ให้ยลโฉมเป็นบุญตา คู่กับผ้าทอหลากหลายแบบ “พิธีเปิดศูนย์บันดาลไทย อาคารพระที่นั่งวิมานเมฆจำลอง” สถาปัตยกรรมโรมันยุโรปตะวันตก หลังโดนปล่อยทิ้งร้างนานเกือบ 10 ปี เหตุน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ทรุดโทรมเสื่อมสภาพ ต้องลองแวะดูสักครั้ง

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 61 ที่บริเวณหอวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ถนนพาดสนามบินเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ นายสุมิตร เกิดกล่ำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานพิธีเปิดศูนย์บันดาลไทยจังหวัดอุตรดิตถ์ โดย น.ส.ปรารถนา มงคลธวัช วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่าเปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ของศูนย์บันดาลไทยในครั้งนี้ว่า ต้องการให้เป็นแหล่งรวบรวมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมของจังหวัดอุตรดิตถ์ และเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ผลิต ภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ของชุมชน สินค้าของชุมชนคุณธรรมที่มีอัตลักษณ์ ส่งเสริมการนำทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่มาสร้างแรงบันดาลใจในการเพิ่มคุณค่า สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม ส่งเสริมอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ ใช้ภูมิปัญญาและทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่อย่างรู้คุณค่า เพื่อสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ในการพัฒนาจังหวัด ในการพัฒนาทุนทางวัฒนธรรมมาพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการ ประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยว โดยความร่วมมือจากเครือข่ายด้านวัฒนธรรมชุมชนคุณธรรมในพื้นที่ 9 อำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ในมิติวัฒนธรรม โดยใช้พื้นที่หอวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ให้เกิดประโยชน์ ด้านการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสืบทอดมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น การจัดแสดงโชว์เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี ไทยภาคกลาง ไทยล้านนา ไทยล้านช้าง เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารพื้นบ้านแต่ละชุมชนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์อย่างเต็มที่ 

พิธีเปิด นายสุมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ นำมีดตัดหวายลูกนิมิตทำจากแร่เหล็กน้ำพี้ ฟันลงไปยังเชือกไนล่อนใสที่ร้อยผูกติดกับทุเรียนพันธุ์หลง-หลินลับแล ผลไม้สร้างชื่อเสียงและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนจังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 3 ลูก ผูกพ่วงกับผ้าแพสีชมพูทั้งด้านซ้ายและขวา เพื่อใช้ประกอบในพิธีเปิดผ้าแพ โดยผลทุเรียนชื่อดังของอุตรดิตถ์ ทั้ง 3 ลูก จะเป็นตัวถ่วงในการเปิดผ้าแพป้ายศูนย์บันดาลไทยจังหวัดอุตร ดิตถ์ หลังประธานใช้มีดตัดหวายพันลงไปยังเชือกไนล่อนใสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผ้าแพสีชมพูทั้ง 2 ฝั่ง จะถูกเปิดออกทันที เป็นพิธีเปิดที่เรียบง่ายโดยที่ไม่ต้องใช้แรงคนเปิดหรือใช้แรงมอเตอร์ไฟฟ้าเปิดแต่อย่างใด อาศัยแรงโน้มถ่วงของลูกทุเรียนที่ผูกไว้ชักลอกผ้าแพออกจากกัน 

จากนั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าเยี่ยมชมผ้าทอ 3 ยุค ล้วนเป็นผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน อุตรดิตถ์ สืบทอดจากบรรพบุรุษสมัยโบราณของโยนกนครเชียงแสน ยุคแรกของปลายกรุงศรีอยุธยา อายุกว่า 250 ปี เรียกว่า "ผ้าซิ่นดอกเคี๊ยะ" ลวดลายมีหลากหลายอย่างประกอบอยู่ภายในเนื้อผ้า อาทิ ลายหงส์เครือ ลายเชิงเทียนหรือดอกเทียน ลายผักกูด ช่อดอกมะพร้าว ลายดอกส้มโอ ลายงูเปา ลายนาคเกี้ยว ลายขออึ่งอ่าง ลายหงส์ถูกขัง ลายของวงคุและรากไทรย้อย เป็นลวดลายจากผ้าไหมไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงให้การส่งเสริมการถักทอ สาวด้วยมือแบบดั่งเดิมจากแรงงานคนไม่ใช้เครื่องยนต์ จนได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวด ผลงานด้านการสร้างสรรค์ของที่ระลึก ผ้าทอมือผ้าซิ่นตีนจกเคี๊ยะไหม ยอมสีธรรมชาติ สีแดงครั่ง ภายใต้โครงการส่งเสริมภูมิปัญญาไทย ด้านลิขสิทธิ์ ประจำปี 2547 จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ สนทนาราคาผ้าซิ่นผืนนี้ประมาณหลักแสนบาทขึ้นไป และยังมีลายผ้าซิ่นซึ่งอยู่ในสมัยยุคเดียวกัน เช่น ผ้าซิ่นกาฝากแดงและผ้าซิ่นกาฝากเขียว

ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน โบราณ ยุคที่สองตรงกับสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีอายุประมาณ 200 ปี "ผ้าซิ่นปั่นไก" คงลวดลายดอกเคี๊ยะไว้ด้านบนและด้านล่างของผ้า มีลายหางกระรอกแทรกอยู่ตรงกลาง  และยุคที่สาม "ผ้าซิ่นดอกมุก" หัวและท้ายของผืนผ้าเป็นลายเครือวัลย์ลายแบบโบราณดั่งเดิม เป็นยุคของเมืองลับแล ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 มีอายุประมาณ 120 ปี  

สำหรับผ้าซิ่นที่นำมาโชว์ภายในศูนย์บันดาลไทยนั้น มีผ้าซิ่นโบราณที่จัดส่งเข้าประกวดระดับอาเซียน เป็นผ้ายุคที่สาม ได้รางวัลชนะเลิศที่ 1 ตัวผ้าซิ่นตีนจกเป็นลายดอกมุกหงส์เครือ มีลวดลายอื่นประกอบบนผืนผ้า เช่น นาคเกี้ยวดอกมะพร้าว ดอกมะจ้ำ ดอกส้มโอ ผักดูด ขออุ้ม นกกินน้ำร่วมต้น  สนทนาราคาซื้อขายอยู่ที่หลักแสนบาท ถูกนำมาแสดงโชว์อยู่ภายในศูนย์แห่งนี้ด้วย เช่นเดียวกับผ้าซิ่นดอกเคี๊ยะยุคแรก 

ทั้งนี้ ยังมีผ้าซิ่นตีนจกโยนกนคร ถักทอทั้งผืนแบบรวมลายโบราณ เรียกว่า "พญาผ้าซิ่น" ประกอบด้วยลายงูเหลือม ลายสองขอ ลายดอกเก็ดถวา ลายหงส์ใหญ่ ลายหงส์ทะลามหรือลายหงส์ขนาดกลาง ลายหนามเตย โดยมีหมายซิ่นคือ ลายกั้นอยู่ระหว่างลายตีนซิ่น 2 ข้างไม่ให้ชนกัน คนโบราณจะต้องใส่ไว้เพื่อป้องกันคุณไสยและเสน่ห์ยาแฝดให้แก่ผู้ที่สวมใส่ เป็นความเชื่อของคนโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยโยนกนคร ถูกนำมาถักทอใส่ไว้กับพญาผ้าซิ่น ผ้าซิ่นตีนจกในยุคปัจจุบันนี้ ผ้าทอผืนนี้มีความงดงามมาก พร้อมเตรียมส่งเข้าประกวดผ้าทอระดับประเทศในปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งประดิษฐ์จากการนำผ้าซิ่นตีนจกตกแต่งเป็นโคมไฟสวยหรู ส่งเข้าประกวดจนได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดผลงานด้านการประดิษฐ์ ประเภทผ้าหรือเครื่องแต่งกาย การย้อมเส้นใยไหมสีฟ้าจากดอกอัญชัน ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและภูมิปัญญาไทย ประจำปี 2547 จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ถูกจัดวางโชว์บนชั้นที่ 2 ของตัวอาคารศูนย์แห่งนี้ รวมถึงการนำผ้าซิ่นมาตกแต่งของใช้บนโต๊ะอาหาร อาทิ ชุดรองจาน ชุดรองแก้ว ชุดรองช้อน ซ่อมและมีด ให้ดูสวยงามมีระดับ จนได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ระดับประเทศไทยมาแล้ว มีการนำผ้าซิ่นไท-ยวนอุตรดิตถ์ มาประดับตกแต่งให้เป็นของใช้ภายในห้องรับแขก ประกอบด้วย เบาะรองตั่งหรือรองนั่ง พร้อมหมอนอิงนอนชนิดสามเหลี่ยม หมอนสำหรับอิงนอนและหมอนวางตักชนิดสี่เหลี่ยม มีการนำผ้าซิ่นตีนจกมาตกแต่งเป็นกระเป๋าสตางค์ในรูปแบบหลายขนาด ด้วยลวดลายหลากหลายชนิดที่สวยงาม ยังมีเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์และด้วยดาบเหล็กน้ำพี้ฝังมุกพร้อมวิธีทำให้ชมกัน

ทั้งนี้ ยังมีการสาธิตการทอผ้าแบบกี่โบราณ เป็นกี่ดั้งเดิมที่ใช้ทอผ้ากันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ในปัจจุบันที่ลับแลยังคงมีให้เห็นอยู่  พร้อมสาธิตวิธีการปั่นฝ้ายแบบโบราณให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่สนใจเข้าชมเช่นเดียวกัน เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ดั้งเดิมของคนโบราณที่ยังคงเหลืออยู่มาให้ดูชมกันที่นี่ 

ด้าน น.ส.ปรารถนา วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า อาคารแห่งนี้เดิมทรุดโทรมไม่มีการใช้งานจนถึงปี พ.ศ.2558 จึงของบประมาณจากกระทรวงวัฒนธรรมมาดำเนินการปรับปรุงขึ้นมาใหม่ และพยายามให้อาคารหลังนี้มีชีวิต ชีวาขึ้นมา จึงจัดพื้นที่ให้เป็นถนนสายแห่งวัฒนธรรม เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีตัวแทนจาก 9 อำเภอ ร่วมสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมร่วมกันในพื้นที่บริเวณแห่งนี้ 

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

 

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

 

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

อาคารแห่งนี้เป็นอาคารอนุรักษ์และขึ้นอยู่กับกรมศิลปากร หลังถูกปล่อยทิ้งร้างมานานไม่ได้ดำเนินการอะไร ทางกระทรวงวัฒนธรรมมีโครงการผลิตกรรมวัฒนธรรมไทย พร้อมจัดประกวดด้วยการใช้ทุนของวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์นำมาพัฒนาให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ในปัจจุบัน ด้านความคิดสร้างสรรค์โดยนำผ้าทอจากอำเภอลับแลมาจัดทำชุดกระเป๋า ชุดนั่งเตียง จนได้รับรางวัลระดับเหรียญทองจากกระทรวงวัฒนธรรม จึงปรับเปลี่ยนหอวัฒนธรรมแห่งนี้ให้เป็นศูนย์บันดาลไทยในการแสดงผลิตภัณฑ์ของจังหวัดอุตรดิตถ์ตามนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม

ในอนาคตจะหางบประมาณดำเนินการให้ศูนย์บันดาลใจแห่งนี้ มีการแสดงวัฒนธรรมของจังหวัดอุตรดิตถ์ทั้ง 9 อำเภอ พร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนอุตรดิตถ์ ควบคู่กันไป โดยให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจังหวัด(อบจ.)อุตรดิตถ์ ดำเนินงานร่วมกันสิ่งที่ต้องดำเนินการปรับปรุงคือการซ่อมแซมรั้วโดยรอบ ซึ่งต้องอาศัยงบพัฒนาจังหวัดอุตรดิตถ์เข้าช่วย เบื้องต้นทางจังหวัดได้จัดสรรงบประมาณช่วยจัดทำร้านค้าขายของที่ระลึก เพื่อให้ชาวบ้านแต่ละอำเภอได้วางจำหน่ายขายสินค้ามีชื่อของแต่ละอำเภอเพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านโดยตรง สำหรับตัวอาคารศูนย์จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของวัฒนธรรมจังหวัดนั่งอยู่ประจำ เพื่อเปิดบริการให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปที่มาจากต่างจังหวัดได้ชมทุกวันในเวลาราชการ เบื้องต้นจะเปิดให้ชมเฉพาะเสาร์-อาทิตย์

ส่วนวัตถุโบราณและสิ่งของมีค่าที่เคยอยู่ภายในอาคารนี้ ได้ถูกนำจัดเก็บเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ดูแลเรื่องความปลอดภัย แต่จะนำรูปภาพเก่าแก่ของแต่ละอำเภอ อาทิ บานประตูไม้สักวัดดอนสัก เพื่อเชื่อมโยงให้ไปชมของจริงที่วัด รวมถึงภาพเก่าที่เล่าเรื่องในอดีต บริเวณชั้นที่ 2  มีห้องจำนวน 2 ห้อง ห้องหนึ่งถูกจัดให้เป็นนิทรรศการ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10  

ส่วนอีกห้องหนึ่งถูกจัดให้เป็นห้องแสดงผ้าทอของคนอุตรดิตถ์ พร้อมกับผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่ได้รับรางวัลจากกระทรวงวัฒนธรรมเช่นกัน ทั้งนี้ มีภาพหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต มีศักดิ์เป็นลูกหลานเจ้าของอาคารหลังนี้ โชว์แขวนอยู่ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกหลานคนในตระกูลที่มอบอาคารแห่งนี้ให้เป็นสมบัติของชาติ ชั้น1 จะเป็นพื้นที่การแสดงทอผ้าไหม ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมตั้งแต่ยุคต้นยุคสองและยุคสามคือยุคปัจจุบัน พร้อมชุดรับประทานอาหาร ผ้าปูโต๊ะและผ้ารองกันเปื้อนถูกถักด้วยผ้าทอ รวมถึงชุดนั่งสบาย ทั้ง 2 รายการ ได้รับรางวัลจากกระทรวงวัฒนธรรม 

สถานที่แห่งนี้เป็นอาคารที่ทรงคุณค่าของจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงอยากให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชนคนทุกเพศทุกวัย ใครมีสิ่งดีสวยงามที่ต้องการอยากโชว์รวมถึงความสามารถพิเศษหรือต้องการนำเสนอผลงานอะไรที่คิดว่าเด่นและเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไป สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ทุกวันเวลาราชการ อยากให้คนอุตรดิตถ์ช่วยกันดูแลพื้นที่ตรงนี้ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  อาคารศูนย์บันดาลไทยจังหวัดอุตรดิตถ์แห่งนี้ เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ยกพื้นสูงประมาณ 1 ศอก มุงด้วยกระเบื้องไม้สักตกแต่งหลังคาด้วยยอดไม้กลึง อาคารเป็นแบบบัวหัวเสาไม้ฉลุและซุ้มโค้ง สถาปัตยกรรมโรมันแบบยุโรปตะวันตก สร้างในยุคสมัยตรงกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อายุกว่า 100 ปี มีความเก่าแก่พอกับจวนผู้ว่าฯอุตรดิตถ์ เดิมเป็นของขุนพิเนตจีนภักดิ์ คหบดีชาวจีนที่สร้างฐานะด้วยความขยันขันแข็ง ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายภาษีอากร โดยนำรูปแบบพระที่นั่งวิมานเมฆมาก่อสร้างเป็นแบบจำลอง ต่อมาเป็นคดีความกับรัฐ และอาคารแห่งนี้จึงถูกยึดมาเป็นของหลวง จากนั้นมาถูกใช้ให้เป็นสถานที่รับแขกชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมของกระทรวงมหาดไทย ไม่นานก็ถูกปล่อยทิ้งร้าง 

ต่อมา นายประพัฒน์ กุสุมานนท์ อดีตประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ บุกเบิกนำตัวอาคารมาเป็นหอวัฒนธรรม จังหวัดอุตรดิตถ์ ชั้นที่1 จัดเป็นห้องแสดงถึงวิถีชีวิตประจำวันพร้อมข้าวของเครื่องใช้ และภาพรวมของคนไทยสมัยโบราณ ชั้นที่ 2 เป็นห้องก่อนประวัติศาสตร์ จัดเก็บกระดูกมนุษย์กลายเป็นหิน กำไลและขวานหินพร้อมด้วยเครื่องปั้นดินเผา สมัยบ้านเชียงในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งขุดเจอที่บ้านบุ่งวังงิ้ว อ.เมืองอุตรดิตถ์ แสดงให้เห็นถึงความเป็นมาอันเก่าแก่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ 

พร้อมข้าวของเครื่องใช้ที่แสดงถึงวิถีชีวิตประจำวันของคนไทยสมัยก่อน มีห้องจัดแสดงเชื่อมสมัยระหว่างอยุธยากับกรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีตู้เก็บคัมภีร์ลายรดน้ำ สมัยอยุธยาตอนกลาง สำหรับเก็บคัมภีร์ยาและสมุนไพร รวมถึงบทสวดมนต์ที่เป็นภาษาไทยใหญ่ ภาษาไทยน้อย และมีพระพุทธรูปไม้สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์เคยเปิดให้คนทั่วไปและนักท่องเที่ยวเข้าชมถึงความงามของตัวอาคารภายในหอวัฒนธรรม เวลาต่อมาเกิดฝนตกหนักปี 2538 และปี 2549 เป็นช่วงเดียวกับปีน้ำท่วมใหญ่เมืองอุตรดิตถ์ ปริมาณฝนซึมทะลุผ่านด้านบนของอาคารส่งผลทำให้ฝ้าเพดานเกิดการทรุดตัวแทบใช้การไม่ได้จึงถูกปล่อยทิ้งร้างไปเป็นเวลานานเกือบ 10 ปี กระทั่งมีการจัดสรรงบประมาณลงมาบูรณะในปี 2558 แล้วเสร็จในปี 2560 

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

เคยเห็นรึยัง.! “ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ลายโบราณโยนกนคร” ผืนเดียวหลักแสนชนะเลิศระดับประเทศและอาเซียน ลวดลายบนผืนผ้าช่างสวยสดงดงามเหมาะสมกับราคา

 

ภาพ/ข่าว สมภพ  สินพิพัฒนฤดี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ภาคเหนือ จังหวัดอุตรดิตถ์