ช่วยคุ้มครองชีวิตผมด้วย!! นายกประมงใจเพชรคนดัง ควงเมียรักร้อง ผู้ว่าฯ เมืองคอน วอนช่วยคุ้มครองชีวิต หลัง จนท.ประมงปองร้าย (ชมคลิป)

จากกรณีที่ นายมาโนช ดวงดี อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91/1 หมู่ 4 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นายกสมาคมประมงชายฝั่งปากพนัง พร้อมด้วยนางราตรี ดวงดี ภรรยา ได้ถูกเจ้าหน้าที่ประจำเรือตรวจการณ์ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช พยายามฆ่าโดยการใช้เรือตรวจการณ์ประมงขับไล่ล่าชนกลางทะเล บริเวณอ่าวปากพญา ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สาเหตุเพราโกรธแค้นที่นายมาโนช ชอบถ่ายภาพเครื่องมือประมงผิดกฎหมายเต็มอ่าว โดยเจ้าหน้าที่ไม่ยอมจับกุมนำไปเผยแพร่ทางโซเชี่ยลและร้องเรียนผู้บังคับบัญชา เกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 5 ก.ค.2561 และได้รับการช่วยเหลือจากเรือตำรวจน้ำทำการคุ้มกันกับเข้าฝั่งรอดตายหวุดหวิด ก่อนเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ พ.ต.ท.ไพรัช จิรักษา สว.(สอบสวน)สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช แต่จากการตรวจสอบพบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ในเขตสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.มนตรี วรรณคง  สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 23.30 น.คืนวันเดียวกัน ตามที่เสนอได้เสนอข่าวมาแล้วนั้นที่ผ่านมา

 

                  (11 ก.ค.) นายมานดช ดวงดี และนางราตรี ภรรยาได้เดินทางเข้าพบนายสมเกียรติ ทิศนุ่น ประธานชมรมคนลุ่มน้ำพึ่งพาตนเอง และ ประธาน กต.ตร.อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอความช่วยเหลือเนื่องจากหลังเกิดเหตุไม่กล้าออกไปวางอวนจับปลาในทะเล เพราะเกรงกลุ่มเจ้าหน้าที่เรือตรวจการณ์ประมงคู่กรณีตามปองร้ายต่อชีวิตกลางทะเลได้ ทำให้ครอบครัวได้รับความเดือร้อนเพราะขาดรายได้ในการประกอบอาชีพ โดยทางนายสมเกียรติ ทิศนุ่น ได้ให้การช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตจำนวนหนึ่ง รวมทั้งจะติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการอารักขาคุ้มครองดูแลความปลอดภัย หลังจากนั้นนายมาดนช และนางราตรี ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้ายืนหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมและช่วยเหลือจากนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช  ต่อด้วยการเข่ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมและช่วยเหลือจาก พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผบ.มทบ.41 ค่ายวชิราวุธ กอทัพภาคที่ 4 ในวันเดียวกัน

 

นายมาโนช ดวงดี กล่าวว่า จากสถานการณ์การลักลอบใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ในการจับสัตว์น้ำทางทะเล ในอ่าวปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ ประเภท อวนรุน โพงพาง ลอบพับ ( ไซตัวหนอน ) โป๊ะน้ำตื้น รวมถึงการใช้อิทธิพลลักลอบปิดปากคลองย่อยเกือบทุกสายในอ่าวปากพนัง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนี้มีมากว่า ๑๐ ปี จนถึงปัจจุบันสถานการณ์มีแต่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผู้ลักลอบก็มีท่าทีเหิมเกริม ไม่เกรงกลัวกฎหมาย อย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญหน่วยงานบังคับกฎหมายในพื้นที่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ทั้งที่รู้ทั้งที่เห็นถึงสถานการณ์มาโดยตลอด จนกระทั่งส่งผลให้ความพยายามลักลอบใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมายมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ในนามสมาคมประมงชายฝั่งได้รวมกันต่อสู้เพื่อปกป้อง และปกปักษ์รักษาไว้ซึ่งทรัพยากรที่สำคัญของชาติให้อยู่คู่ชุมชนให้ยาวนานที่สุด ได้มีการสะท้อนปัญหา ด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐได้ทราบถึงปัญหามาโดยตลอด แต่ปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข นับวันมีแต่จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

 

                จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 ตนในฐานะนายกสมาคมประมงชายฝั่งปากพนัง  พร้อมด้วยนางราตรี ภรรยา ภรรยา ได้เข้าพบผู้ว่าท่านเพื่อหารือปัญหาการทำประมงในพื้นที่อ่าวปากพนัง ทั้งยังมีการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ซึ่งท่านได้สั่งการให้มีการทบทวนการทำงานของคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับอ่าวปากพนังทั้งหมด ให้ร่วมรักษาอ่าวปากพนัง ซึ่งเปรียบเสมือนตู้กับข้าวของเราทุกคน ซึ่งกระผมซาบซึ้งใจและขอขอบพระคุณท่านมากที่เข้าใจในความเดือดร้อนของชาวประมง แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บางนายกลับกระทำการอันเป็นพฤติการณ์ในการข่มขู่ ถึงขั้นตามปองร้ายใข้เรือตรวจการณ์ประมงไล่ชนเรือหางยาวของตน จะเอาชีวิตตนและภรรยา ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้านที่ปกป้องทรัพยากรและแจ้งข่าวสารให้กับทางราชการ  จึงเรียนมายังท่านเพื่อทราบขอความเมตตาและหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากท่านผู้ว่าฯ และ ผบ.มทบ. 41  เพื่อขอให้ท่านเร่งสั่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเด็ดขาดเพื่อความยั่งยืน ดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพิกเฉยต่อหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยและเพื่อรักษาไว้ซึ่งทรัพยากร แหล่งอาหารให้คงความอุดมสมบูรณ์ของชาติไว้ต่อไป

 

“ โดยตนได้เสนอแนวทางปฏิบัติและข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้  1. ขอให้ท่านใช้อำนาจตามกฎหมายประกาศให้พื้นที่อ่าวปากพนังเป็นเขตพื้นที่เฉพาะที่ต้องปลอดเครื่องมือประมงผิดกฎหมายทุกชนิดอย่างจริงจังและยั่งยืน  2.  ขอให้ท่านใช้อำนาจตามกฏหมาย ร่วมกันปกป้องและรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรของแผ่นดินเพื่อคนส่วนใหญ่ โดยร่วมกันบูรณาการให้เห็นเป็นที่ประจักษ์โดยเร็วที่สุด  3. ขอให้ท่านใช้อำนาจตามกฎหมาย ตรวจสอบพฤติการณ์ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายมาเป็นเวลานานว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น หรือติดขัดข้อกฎหมายใดที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ 4. ขอให้ท่านใช้อำนาจตามกฎหมาย ปฏิบัติตามข้อเสนอและข้อเรียกร้องโดยเร็วที่สุด เนื่องจากชาวบ้านผู้หากินสุจริตไม่มีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นจึงได้ยื่นหนังสือมาเพื่อให้ท่านช่วยดำเนินการ ดังนั้นถ้าหากท่านเห็นสมควรเห็นถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านและความเสียหายของทรัพยากรที่เกิดขึ้น ซึ่งประโยชน์ต่อส่วนรวม”

 

                แต่ถ้าหากท่านเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตลอดที่ผ่านมา ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว หรือมองว่าทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ในอ่าวปากพนังยังไม่ถึงเวลาในการอนุรักษ์รักษา ก็ไม่ต้องดดำเนินการตามข้อเสนอตามข้างต้นก็ได้ ทั้งนี้เพื่อให้ชาวบ้านได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนว่าจะออกมาในทิศทางใดหรือท่านมีความเห็นอย่างไร ชาวบ้านจึงขอทราบคำตอบ ตามข้อเสนอและข้อเรียกร้อง รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติในการแก้ปัญหาเพื่อความปลอดภัยของชาวประมง ประชาชน และทรัพยากรที่จะร่วมกันรักษาไว้ให้คงความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้แก่ลูกหลานโดยให้เร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดภายใน 15 วัน นับจากการยื่นหนังสือฉบับนี้

                นายกสมาคมประมงชายฝั่งปากพนัง กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ประจำเรือตรวจการณ์ประมงจำนวน 3 คน ตามที่ได้แจ้งความไว้แล้วกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง ก็ขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผบ.มทบ.41 ช่วยอนุเคราะห์เร่งรัดคดี และเพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยขอให้พิจารณาโยกย้ายเจ้าหน้าที่ประจำเรือตรวจการณ์ประมงจำนวน 3 คนดังกล่าวออกจากพื้นที่โดยเร็ว เพราะตราบใดที่ทั้ง 3 คนยังปฏิบัติหน้าที่โดยนำเรือตรวจการณ์ประมงออกไปตรวจการณ์ในทะเล ตนและภรรยาคงไม่กล้าออกไปประกอบอาชีพวางวอนจับสัตว์น้ำตามปกติ อย่างไรก็ตามในการต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรทางทะเลซึ่งถือเป็นหม้อข้าวหม้อแกงของตนและชาวประมงชายฝั่งทุกคนนั้นตนยืนยันว่าจะต่อสู้ในเรื่องนี้ต่อไปตราบที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ นายมาโนช กล่าวอย่างหนักแน่นในที่สุด.

 

 

ภาพ/ข่าว/ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช