เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด “พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่ 9 –เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่ 8

กรณีนายสุขเกษม สอนเฒ่า อายุ 46 ปี ชาว จ.อุดรธานี ที่เดินทางมาเยี่ยมภรรยาและบุตรสาว ก่อนลูกเขยแลเพื่อนบ้านชวนไปเก็บรังผึ้งจนเกิดอาการหวาดผวากลัวสิ่งเร้นลับบางอย่าง ร้องตะโกนและวิ่งหนีเตลิดหายไปในป่าตั้งแต่เกิดวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา จนเจาหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระดมกำลังค้นหาต่อเนื่อง แต่ไร้วี่แวว จนนายถาวรวัฒน์ คงแก้ว รอง ผวจ.นครศรีธรรมราช พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ร่วมประชุมวางแผนการปฏิบัติงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีนายนพดล กีรติกรพิสุทธิ์ นอภ.ทุ่งใหญ่ พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ นายสิปปภาส สงทิพย์ นายก อบต.กรุงหยัน นายณัฐพงศ์ พงศ์สว่าง ปภ.ทุ่งใหญ่ ทหารม้าที่ 16 พล.ร.5 ค่ายเทพสตรีทุ่งสง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมสั่งการให้ค้นหาต่อไปโดยให้มีการจัดตังโรงครัวพรราชทานเพื่อประกอบอาหารจัดเลี้ยงทีมค้นหาที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

(21 เม.ย.) นายบุญฤทธิ์ หรือป้อม ไหมทอง ลูกเขย และนายปิยะนัย หรือเล็ก อักษรทอง เพื่อนบ้านที่ร่วมเดินทางไปตีรังผึ้งก่อนนายสุขเกษม พ่อตานายบุญฤทธิ์ จะวิ่งหนีเตลิดสูญหายไป  ได้ไปที่ใต้โคนต้นไม้ที่เคยขึ้นไปเก็บน้ำผึ้ง และพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดโดย สังเกตเห็นตะปู ขนาด 3 นิ้ว ตอกลงไปกลางใบไม้แห้งสองใบ ประกบหน้าเข้าหากันถูกตอกติดแน่นอยู่กับต้นไม้ที่ขึ้นไปเก็บผึ้ง ความสูงจากพื้นดินถึงระดับสายตาพอดี ทำให้ทราบว่า รังผึ้งที่อยู่บนต้นไม้ที่นายบุญฤทธิ์ นายปิยะนัย และนายสุขเกษม ชวนกันไปเก็บ มีคนมาพบก่อนหน้าแล้วจึงทำเครื่องหมายจองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งถือเป็นตามกติกาของคนหาน้ำผึ้ง  แต่นายบุญฤทธิ์ หรือป้อม และนายปิยนัยหรือ เล็ก  ไม่รู้มาก่อน จึงปีนเก็บรังผึ้ง ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการขโมยของที่คนอื่นจับจองเอาไว้ก่อนแล้ว

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

ในทางไสยศาสตร์คนโบราณมักจะพูดว่า หากผู้ใดมาเห็นรังผึ้งอยู่บนต้นไม้เป็นคนแรก ก็จะทำสัญลักษณ์ไว้เพื่อให้คนที่มาทีหลังเห็นเป็นสัญลักษณ์ จะได้ไม่ขึ้นไปเอารังผึ้ง แต่ถ้าคนที่มาที่หลังยังฝ่าฝืน เก็บรังผึ้งก็จะมีเหตุการณ์ประหลาด หรือไม่ผึ้งรังนั้นก็จะมีฤทธิ์เดชที่แรงขึ้นอาจจะต่อยหรือทำร้ายคนที่มาเก็บทีหลังจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็เป็นได้  จึงเชื่อว่ามีการลงคาถาอาคมไว้ที่ตะปูที่ตอกผ่านใบไม้ติดกับต้นไม้ใหญ่ที่ต้นไม้ต้นที่ขึ้นไปเอารังผึ้งในวันที่ 13 ที่ผ่านมา จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์อาถรรพ์ขึ้นมาดังกล่าว ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบในป่าลึก ต้องผงะเผ่นและรีบเผ่นลงมาจากภูเขานางนอนทันทีเมื่อไปพบว่าที่รากไม้ต้นดังกล่าวมีงูสามเหลี่ยม หรือ “งูแมวเซา” ซึ่งเป็นงูมีพิษร้ายแรง นอนจ้องตาเขม็ง เตรียมพร้อมที่จะฉกกัดผู้บุกรุกได้ทุกวินาทีที่ใครย่างเท้าเข้าไปใกล้รัศมี

                พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ กล่าวว่า ในส่วนเถ้าถ่านที่พบและสงสัยกันว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนกระดูกของมนุษย์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานต้องสงสัยไว้ทั้งหมดแล้วตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นมาดูเหตุการณ์ และรอการพิสูจน์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จ.สงขลา อย่างไรก็ตามนายเชาวลิต เพชรมุนี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.กรุงหยัน กล่าวว่า เถ้ากระดูกที่พบมีลักษณะสีขาวนวล ไม่น่าจะเป็นกระดูกมนุษย์หรือสัตว์ใหญ่ เพราะเป็นเถ้ากระดูกที่มีลักษณะเดียวกันเป็นข้อ ๆ จึงน่าจะเป็นกระดูกของงูเหลือมก็เป็นได้ เพราะในป่าเทือกเขานางนอนเป็นที่อยู่อาศัยมีของงูหลากหลายชนิด ในขณะที่ชาวบ้านที่แผ้วถางป่าก่อนจุดไฟเผา หรือที่เรียกว่า “จุดไฟปรนพื้นที่” ทำให้งูเหลือมเลื้อยหนีออกไม่ทันถูกไฟคลอกตายคากองเพลิงดังกล่าว

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

ในขณะที่ ร.ต.ท.ประสาร สุขกาย  ข้าราชการบำนาญ อดีตตำแหน่ง รอง  สว.สส.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช  เดินร่วมทางมาค้นหานายสุขเกษม สอนเฒ่า อายุ 46 ปี เปิดเผยว่า ในอดีตผืนป่าเทือกเขานางนอนแห่งนี้เป็นป่าดงดิบ เป็นที่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด รวมถึงเป็นที่หากินของช้างพลายเศวต ช้างป่าคู่บารีของในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องจากเป็นแนวป่าเทือกเขานานอนที่ติดต่อกับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ พื้นที่ที่มีการคล้องช้างพลายเศวตได้และนำไปถวายในหลวง รัชกาล  9  โดยพลายเศวตในปัจจุบันมีชื่อว่า“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ” ชื่อเต็มคือ พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิสุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิ ประสิทธิ์รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรพิตรสารศักดิเลิศฟ้า

                พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ” เป็นช้างพลายเผือกโท เกิดในป่าเขต จ.กระบี่  เมื่อปี พ.ศ.2494  ถูกคล้องได้ที่บ้านหนองจูด ต.ดินอุดม อ.ลำทับ จ.กระบี่ เมื่อปี พ.ศ.2499  เป็นลูกช้างติดแม่อยู่ในโขลงช้างป่า โดยผู้คล้องได้คือนายแปลก ฟุ้งเฟื่อง และนายปลื้ม สุทธิเกิด ซึ่งคล้องได้พร้อมกับช้างอื่น ๆ อีก 5 เชือก ประกอบด้วย  พังสาคร พลายทอง พังเพียร พังวิไล และพังน้อย  และได้ชื้อว่าช้างพลายแก้ว มีความสูง 1.60 เมตร  พลโทบัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย(ในขณะนั้น)ได้นำช้างพลายแก้วขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 เพื่อประกอบพิธีขึ้นระวางเป็นช้างต้นและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กำหนดพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างเผือกประจำรัชกาล ณ โรงช้างต้นพระราชวังดุสิตเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนพ.ศ. 2502

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

 

                โดย พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เติบโตขึ้นโดยการดูแลขององค์การสวนสัตว์ และดุร้ายมากขึ้นจนควาญช้างควบคุมไม่ได้  จึงต้องจับยืนมัดขาทั้งสี่ไว้กับเสา เป็นที่เกรงกลัวของบุคคลทั่วไป กระทั่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวณีย์โปรดเกล้าฯ ให้นำพระเศวตฯเข้าไปยืนโรงในโรงช้างต้น ภายในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อ พ.ศ.2519 ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้บันทึกไว้ว่า“ในขณะที่นำคุณพระจากสวนสัตว์ดุสิตไปยังสวนจิตรลดา ซึ่งเพียงแต่มีถนนคั่นอยู่สายเดียวนั้น คุณพระก็อาละวาดอย่างหนัก ไม่ยอมออกเดิน เอางวงยึดต้นไม้จนต้นไม้ล้ม จนแทบจะหมดปัญญาเจ้าหน้าที่กว่าจะนำคุณพระจากเขาดินไปถึงประตูสวนจิตรลดา ซึ่งมองเห็นกันแค่นั้นก็กินเวลาหลายชั่วโมง ในที่สุดก็นำคุณพระไปยังประตูพระราชวังได้ พอได้ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณพระราชวัง คุณพระก็เปลี่ยนไปทันที จากความดุร้ายก็กลายเป็นความสงบเสงี่ยม เดินอย่างเรียบร้อยไปสู่โรงช้างต้น และเข้าอยู่อย่างสงบเรื่อยมา”

                ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระเศวตฯ จากโรงช้างต้นสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต มายืนโรง ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 17-18 มีนาคม 2547 และเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีสมโภชโรงช้างต้น เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2547  พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ  ได้รับพระราชทานนามเต็มว่า "พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวมนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิศุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิ์ประสิทธิ์ รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรบพิตรสารศักดิเลิศฟ้า".

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

เปิดตำนานป่าเทือกเขานางนอนแหล่งกำเนิด“พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ”ช้างเผือกคู่บารมีในหลวงรัชกาลที่9–เปิดโรงครัวพระราชทานเริ่มปฏิบัติการค้นหาวันที่8

ภาพ/ข่าว  ยุทธนะ  เตมะศิริ สำนักข่าวทีนิวส์นครศรีธรรมราช