- 07 ม.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ http://www.tnews.co.th/
เชื่อไหมว่าเรื่องของเวรกรรม! เป็นสิ่งที่ติดตัวกันมาทุกคน บ้างก็เชื่อว่ากันว่าเกิดจากการกระทำในอดีตชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ลมหายใจในปัจจุบันที่เหลืออยู่นั้นต่างห่างที่มีการกระทำของเราเป็นตัวกำหนด ซึ่งนั่นก็สุดแล้วแต่ใครจะเลือกต่อยอด พอกพูนกรรมดี หรือกรรมชั่ว! และแน่นอนว่าผลแห่งกรรมย่อมจะเพิ่มพูนไปตามการกระทำของเรา ดังบทความเรื่อง "รอยด่างในชีวิต" ของ อัจฉราวดี วงศ์สกล ที่ได้เขียนถึงเรื่องของเวรกรรมไว้อย่างน่าสนใจ มอบไว้เป็นวิทยาทานแก่ลูกศิษย์ และผู้ที่ใฝ่รู้ในธรรม...
การที่เราต้องเวียนมาเกิดโดยมีกรรมติดตามตัวข้ามภพชาติ ก็ด้วยเพราะจิตได้สร้างรอยด่างในชีวิตเอาไว้ ซึ่งคืออกุศลกรรมทั้งหลายที่สะสมไว้ กรรมเหล่านี้เมื่อส่งผลเป็นวิบากแล้ว ก็ยังมีเศษผลกรรมที่มาปรากฏเป็นแสดงรอยด่างให้แก่ชีวิตไว้ผ่านกายสังขาร วจีสังขาร และจิตสังขาร รอยด่างที่ปรากฏให้เห็นเป็นลักษณะก็เช่น
ตัวอย่างที่ยกมานี้ เป็นเพียงเศษกรรมเท่านั้น จึงเรียกว่าเป็นรอยด่าง ยังไม่ใช่ตัวผลกรรมจริงๆ ผลจริงๆ จะหนัก หรือมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องดูที่จิตเจตนาเป็นตัวนำ และเมื่อได้ไปเวียนใช้กรรมในภพภูมิต่างๆแล้ว เศษกรรมนี้จึงมาปรากฏในสังขาร ทำให้มีรูปเช่นนี้ ต้องถูกกระทำเช่นนั้น ซึ่งบางคนถูกกระทำจนไม่เข้าใจว่า ไปทำกรรมอะไรมานักชีวิตจึงเป็นเช่นนี้ นี่จึงเรียกว่า รอยด่างในชีวิต
คนส่วนมากมักจะคิดแต่ว่า ทำอย่างไรให้ตนพบแต่ความสุขความสำเร็จ ได้แต่มองเรื่องไกลๆ แต่ไม่มองย้อนกลับมาดูเรื่องที่ใกล้ที่สุดคือตนเองว่า เหตุแห่งทุกข์นั้นคืออะไร หากเราได้ย้อนกลับมาพิจารณาตน พิจารณากายตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า รวมถึงพิจารณาจิตและชีวิตที่ผ่านมา ทั้งในฐานะผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ เราจะเห็นว่า ทุกอย่างมีความเกี่ยวเนื่องถึงกันทั้งสิ้น
ผู้มีกายที่น่ามอง จิตผ่องใสไม่คิดอกุศล ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ รูัจักให้และเสียสละอยู่เป็นนิจ การกระทำเหล่านี้ ย่อมเป็นเหตุนำมาซึ่งความสุข ความสำเร็จ ทำการงานใดด้วยความพากเพียรย่อมได้รับความเกื้อหนุน แต่หากกายไม่น่ามอง จิตคิดแต่เรื่องอกุศล เห็นแก่ตัว ไม่เคยคิดทำอะไรเพื่อผู้อื่น ผลที่ได้ย่อมตรงกันข้าม เพราะไม่ได้สร้างเหตุให้ได้รับผลที่ดีไว้
ดังนั้น ก่อนที่จะคิดวางโปรเจคสร้างความสำเร็จ เราควรเริ่มต้นจากการลบรอยด่างในชีวิตก่อน อย่าให้รอยด่างนี้ขยายวงกว้าง มาทำลายชีวิตทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เพียรลบรอยด่างให้จางลงได้ ด้วยการทำกุศลกรรมและการภาวนาเพียรเผาบาป เพราะนอกจากรอยด่างจะจางลงแล้ว เรายังได้ขัดเกลาจิตให้สูงยิ่งขึ้น และพลิกสร้างเหตุใหม่ที่จะส่งผลอันน่ายินดี
พระพุทธองค์ทรงสอนเสมอ ให้รู้จักตัวเอง การมีรอยด่างติดอยู่กับตัว แต่ไม่รู้จักหันมาพิจารณาแก้ไขรอยด่างนี้ คือการไม่รู้จักตัวเองและเมื่อไม่รู้จัก ก็ไม่มีโอกาสแก้ไข คนที่ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ กล่าวหาว่าเรื่องเวรกรรมเป็นเรื่องงมงาย ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่ก้มลงมามองเสื้อผ้าที่มีรอยขาดและกระดำกระด่างของตัวเอง นั่งอยู่บนเหตุแห่งกรรมแท้ๆ ยังไม่มีปัญญามองเห็นเหตุนั้น
อย่าก่อเวรขึ้นมาอีกเลย เพราะผลที่จะตามมา อาจทำให้ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เห็นรอยด่าง เพราะโอกาสที่จะได้ความเป็นมนุษย์ในภพต่อไปนั้น อาจไม่มีอีก
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : อาจารย์ อัจฉราวดี วงศ์สกล



