"ไพบูลย์" ยก "สรยุทธ"ตัวอย่าง ชี้ "สมเด็จช่วง" ควรถอยตั้งพระสังฆราช

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

"ไพบูลย์-หมอมโน" ยกกรณี "สรยุทธ" เป็นตัวอย่าง เรียกร้อง "สมเด็จช่วง" ยอมถอยเสนอตั้งพระสังฆราช หลังผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยชัด

 

วานนี้ (4 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีผลการวินิจฉัยตามที่ตนได้ยื่นเรื่องร้องเรียน โดยเห็นว่า การที่มหาเถรสมาคมได้พิจารณารับรองรายงานการประชุมครั้งพิเศษที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2559 ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 11 ม.ค.59 เป็นการริเริ่มจากมหาเถรสมาคมทั้งสิ้น มิใช่เริ่มจากนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาลแต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินยังมีความเห็นและข้อเสนอแนะไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2538 ขอให้รัฐบาลพิจารณาสั่งการให้ "รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี" พิจารณาจัดส่งบันทึกของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในประเด็นมติมหาเถรสมาคมเห็นชอบนาม "สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุณโญ)" อันเป็นการกระทำผิดขั้นตอน เป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงสมควรที่จะคืนเรื่องไปยังส่วนราชการเจ้าของหนังสือ เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องขั้นตอนบทบัญญัติของกฎหมาย

 

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินยังมีความเห็นว่า ระยะเวลาในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่แทนพระองค์เดิม ซึ่งสิ้นพระชนม์ กฎหมายคณะสงฆ์ไทยมิได้กำหนดระยะเวลาไว้แต่อย่างใด และเมื่อพิจารณาบทบัญญัติของกฎหมาย และระเบียบราชประเพณีแล้ว คุณสมบัติของพระภิกษุในคณะสงฆ์ไทย ที่จะได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ต้องเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ และนายกรัฐมนตรีได้เสนอนามมา ตลอดจนได้รับความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคม มีจริยวัตรสำรวจเรียบร้อยไม่หวั่นไหวต่อโลกามิสเพียบพร้อมไม่ด่างพร้อย เป็นที่เคารพสักการะของคณะสงฆ์ และประชาชนตลอดจนได้บำเพ็ญศาสนกิจเป็นประโยชน์แก่บวรพระพุทธศาสนาและราชอาณาจักร อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ "

 

นอกจากนี้สมเด็จช่วงยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับรถเบนซ์และพระธัมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ควรให้เกิดความชัดเจนก่อน โดยเฉพาะกรณีรถเบนซ์ ถือว่ามีความผิดกฎหมายศุลกากร มาตรา 27 ทวิ เป็นคดีอาญาและมีโทษทั้งจำและปรับ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีที่มีหน้าที่นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯควรที่จะรอให้ทุกอย่างเกิดความชัดเจนก่อน"นายไพบูลย์กล่าว

 

ขณะที่ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตกรรมการฯและอดีตพระธรรมกายรุ่นแรก กล่าวว่า อยากให้สมเด็จช่วงดูตัวอย่างการทุจริตของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง เป็นกรรมการผู้จัดการ ซึ่งได้ประกาศยุติบทบาททำหน้าที่พิธีกร ดังนั้นสมเด็จวัดปากน้ำก็ควรตั้งคำถามว่า สมควรหรือไม่ ที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นสมเด็จพระสังฆราชและตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำไปพร้อมๆกัน ในขณะที่คดียังไม่มีความชัดเจน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสง่างามของพระพุทธศาสนา ตนขอเรียกร้องให้สมเด็จช่วงพิจารณาความเหมาะสมของตนเองเพื่อเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศและวงการสงฆ์ต่อไป