ดักคอ!! "คปพ."ค้านรัฐเจรจาต่อสัญญาแหล่งก๊าซเอราวัณ-บงกช ให้บ.สัมทานรายเดิม

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

"คปพ." แถลงคัดค้าน หาก "กพช." ต่ออายุสัมปทานโดยการเจรจากับบริษัทสัมปทานเดิม 2 แหล่งก๊าซฯใหญ่เอราวัณ -บงกช ที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 65-66 นี้ แนะรัฐควรเปิดประมูลแข่งขันเสรีในระบบรับจ้างผลิตหรือแบ่งปันผลผลิต(PSC) ระบุชัดหากไม่ฟังพร้อมนัดเคลื่อนไหวใหญ่
         

ดักคอ!! "คปพ."ค้านรัฐเจรจาต่อสัญญาแหล่งก๊าซเอราวัณ-บงกช ให้บ.สัมทานรายเดิม

 

วันนี้ ( 29 พ.ค.) ที่อาคารทีเอสทีทาวเวอร์ส   เมื่อเวลา 13.00 น. แกนนำเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ประกอบด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พัน  ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี   น.ส.รสนา โตสิตระกูล  อดีตสามชิกวุฒิสภา และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง พร้อมด้วยแกนนำอีกหลายคนได้ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านการต่ออายุสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมที่จะหมดอายุในปี 2565-66 นี้ กับผู้รับสัมปทานรายเดิม


นายปานเทพ  กล่าวในการแถลงข่าวว่า คปพ.ขอคัดค้านแนวทางการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)  ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 30 พ.ค.นี้  หากพิจารณาแนวทางการบริหารแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณและบงกช ที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 2565-66 ด้วยวิธีการเปิดเจรจากับผู้รับสัมปทานรายเดิมก่อนคือเชฟรอน และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมหรือปตท.สผ. โดยไม่เปิดประมูลแบบเสรีเพื่อให้เกิดการแข่งขันโดยสมบูรณ์และหากยังยืนยันเช่นนั้น คปพ.จะมีการกำหนดมาตรการเคลื่อนไหวต่อไป

 

ดักคอ!! "คปพ."ค้านรัฐเจรจาต่อสัญญาแหล่งก๊าซเอราวัณ-บงกช ให้บ.สัมทานรายเดิม
         

นอกจากนี้ขณะที่รัฐบาลอ้างว่าต้องการปราบปราบการทุจริต คอร์รัปชั่นและต้องการปฏิรูปประเทศแต่เมื่อวาระสำคัญที่ทรัพยากร 2 แหล่งใหญ่ของไทยกำลังจะสิ้นสุดอายุสัมปทานในอีก 5-6 ปีข้างหน้าทรัพยากรเหล่านั้นควรกลับมาเป็นของรัฐทั้ง 100% และทางเลือกที่ควรจะพิจารณาใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต(PSC ) หรือระบบรับจ้างผลิตแล้วเปิดประมูลแข่งขันอย่างเสรีให้เทียบเท่ากับการเปิดสัมปทานคลื่นโทรศัพท์มือถือในระบบ 4G        

" คปพ.เห็นว่าแนวทางการเปิดเจรจาไม่ก่อประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและประชาชน จึงขอให้ กพช.ยุติการพิจารณาต่อรองและหันมาใช้มาตรฐานประมูลแข่งขันที่เป็นธรรมและทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชาติ และจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เมื่อ 18 เม.ย.59 ที่ระบุว่าถ้าไม่เปิดประมูลก็จะถูกมองว่าฮั้วอีกถ้าท่านพูดเช่นนั้นแล้วต่อมากลับระบุว่าจะเปิดให้เจรจาก่อนประมูลหากเป็นเช่นนั้นจะให้สังคมเคลือบแคลงและสงสัยได้หรือไม่ว่าท่านฮั้วกันหรือไม่ "  นายปานเทพ กล่าว

 

ม.ล.กรกสิวัฒน์  กล่าวว่า การที่รัฐเปิดเจรจาเพื่อต่อสัมปทานให้จึงเท่ากับทำไปโดยไม่มีกฏหมายรองรับและเป็นการข้ามขั้นตอนเพราะควรให้ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมพ.ศ...และ ร่างพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมพ.ศ .......ผ่านก่อนแล้วจึงมาตัดสินใจดำเนินการใน 2 แหล่ง  โดยพบว่า 2 แหล่งนี้มีมูลค่าก๊าซฯคิดเป็น 2 แสนล้านบาทต่อปี ดังนั้นหลายประเทศเมื่อหมดสัญญาลักษณะนี้เขาก็จ้างผลิตเพราะมีรายได้แน่นอน

 

ดักคอ!! "คปพ."ค้านรัฐเจรจาต่อสัญญาแหล่งก๊าซเอราวัณ-บงกช ให้บ.สัมทานรายเดิม
         

น.ส.รสนา  กล่าวว่า ไทยได้ให้สัมปทานก๊าซในอ่าวไทยไปเกือบครึ่งศตรวรรษและที่อ้างว่าต้องเป็นระบบสัมปทานเพราะเรายังไม่รู้ปริมาณมากน้อยเพียงใดแต่ขณะนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าก๊าซฯ นั้นมีมากมายจึงเป็นโอกาสดีสุดที่ควรจะกลับมาเป็นของคนไทยและเห็นว่าปัญหาเรื่องการคืนท่อก๊าซในทะเลก็ยังไม่จบดังนั้นรัฐก็สามารถจัดตั้งองค์กรก๊าซแห่งชาติมาดูแลและผูกขาดเพื่อประโยชน์จะตกที่รัฐมากสุดก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่ง
         
นายธีระชัย กล่าวว่า  อยากเตือนรัฐบาลว่าควรระมัดระวังว่าให้แน่ใจว่าเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชาติคือ  1.การคัดเลือกเอกชนถ้าไม่ใช้ระบบแข่งขันประมูลโปร่งใสจะทำให้ประชาชนมั่นใจอย่างไรว่าได้ประโยชน์การจัดการปิโตรเลียมสูงสุด  2. กติกาภาษีปิโตรเลียมล้าหลังจำเป็นต้องแก้ไขก่อนหากเดินหน้าโดยยังไม่แก้ไขกติกาคงไม่ทำให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุด  3. ปัญหาท่อก๊าซฯ บมจ.ปตท.ที่ถกเถียงฟ้องร้องบางส่วนที่อยู่ในสาธรณะกรมธนารักษ์ไม่มีอำนาจรับโอนแล้วปิโตรเลียม 2 แหล่งหมดสัมปทานทรัพย์สินเหล่านี้ กรมธนารักษ์ก็รับโอนไม่ได้เราจะบริหารจัดการได้อย่างไรขบวนการเหล่านี้จำเป็นต้องตั้งองค์กรก๊าซฯ หรือบรรษัทปิโตรเลียมแห่งชาติมาบริหาร

ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ก Kulnapa Wattanakamthornkul