ลุ้นระทึกรอบใหม่!!! "บิ๊กต๊อก" บี้ฝ่ายสงฆ์จัดการ "ธัมมี่" ไม่เช่นนั้นโดนหมายค้นรอบ 2 แน่

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

ลุ้นระทึกรอบใหม่!!! "บิ๊กต๊อก" บี้ฝ่ายสงฆ์จัดการ "ธัมมี่" กันเองเสียก่อน ไม่เช่นนั้นโดนหมายค้นรอบ 2 แน่ แต่ปัญหาคือฝ่ายสงฆ์ควบคุมกันไม่เคยได้...

 


วานนี้ (14 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรคายงานว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึง คดีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับพวก ข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งคดีคาราคาซัง เพราะพระธัมมชโยยังหลบหนีหมายจับว่า เป็นอำนาจของอัยการ ซึ่งอัยการได้นัดสั่งคดีในวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา เลื่อนไปวันที่ 11 ส.ค.แทน ซึ่งสื่อไปเขียนว่าอัยการขีดเส้นตายและมาถามตนว่า อัยการขีดเส้นตาย ตนไม่รู้ แต่เชื่อว่าไม่ใช่เส้นตาย แต่เป็นเรื่องของการตรวจสอบสำนวน ซึ่งมีขั้นตอนอีกมากมาย และอาจจะสั่งสอบเพิ่มเติมหรือสั่งให้นำตัวผู้ต้องหามา โดยเป็นไปตามหลักกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว หากไม่ครบถ้วนจะสั่งให้สอบเพิ่มเติม


ส่วนการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายรอบ 2 นั้น สามารถทำได้ 2 อย่าง คือ 1.ดีเอสไอทำได้เอง เพราะมีหมายจับที่ศาลอนุมัติให้แล้ว 2.อัยการสั่งให้ดีเอสไอไปนำตัวผู้ต้องหามา ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่นั้น ยังไม่ได้สอบถามพนักงานสอบสวน ปล่อยให้พนักงานสอบสวนได้ทำหน้าที่ของเขาไป เพราะน่าจะประเมินสถานการณ์ได้ว่าเมื่อไหร่ควรจะทำ แต่ทราบว่าตอนนี้ดีเอสไอขอเวลาดูว่าอัยการจะมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องสำนวนอย่างไร กรณีพระธัมมชโยตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อพนักงานสอบสวนได้กล่าวหาใครถือว่าเป็นผู้ต้องหาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจะยุติแค่ไหน เพราะจะต้องไปยุติที่ศาลยุติธรรม

 

"ผมเคยพูดแล้วว่าอัยการอาจจะยกฟ้องคดีหรือไม่ก็ได้ จะเห็นได้ว่าวันนี้เมื่อส่งสำนวนไป ไม่ใช่อัยการจะเห็นพ้องกับพนักงานสอบสวนทั้งหมด ท้ายที่สุดอาจจะสั่งไม่ฟ้องหรือยกคดีก็ได้ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าผู้ต้องหาทำให้คดีทั่วไปกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปเรื่อยๆ และผูกพันเป็นเรื่องเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ก็เริ่มเกรงกลัวว่าจะไม่ให้ประกันตัว ทั้งที่ช่วงที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกก็บอกแล้วว่าให้มารับทราบข้อกล่าวหา และจะให้ประกันตัวไปต่อสู้ในชั้นศาลได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมพระธัมมชโยถึงได้กลัว ก็ต้องถามว่าท่านผิดจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าท่านมั่นใจว่าไม่ผิดอย่างที่ได้สื่อกับสังคมก็ไม่ควรจะกลัวที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" รมว.ยุติธรรม กล่าว

 

 

 

 

 

พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวว่า ขณะนี้มหาเถรสมาคมได้สั่งให้ผู้ปกครองสงฆ์ไปดำเนินการ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีการเชื่อฟังกันหรือไม่ในระบบ โดยหลักแล้วควรจะเชื่อผู้ปกครอง หากไม่เชื่อฟัง ไม่เข้าใจว่าการปกครองทางสงฆ์มีกฎระเบียบอะไรถึงตั้งองค์กรขึ้นมาแล้วควบคุมกันไม่ได้ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นกระบวนการยุติธรรม และพูดกับพนักงานสอบสวนตลอดเวลา เนื่องจากผู้ปกครองทางสงฆ์ได้กรุณาลงมาดูเหตุและผล ทุกคนได้รับทราบและมั่นใจว่าไม่ได้มีการกลั่นแกล้งพระธัมมชโยอย่างที่ศิษยานุศิษย์และโฆษกวัดพระธรรมกายพูดมาตลอด แต่ปัญหาก็คือทางสงฆ์ควบคุมกันได้หรือไม่ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่จะต้องออกหมายค้น ทั้งนี้ ต้องดูทางฝ่ายปกครองสงฆ์ และอัยการอีกสักระยะ ขณะที่พนักงานสอบสวนต้องเตรียมดำเนินการวางแผนเพื่อจะดำเนินการออกหมายค้นเพื่อให้เป็นไปตามหมายจับที่ศาลได้อนุมัติแล้ว

 


"ถ้าทางฝ่ายสงฆ์ดำเนินการได้เรียบร้อยเรื่องจบ พนักงานสอบสวนก็ไม่ต้องทำตามแผนที่ได้วางไว้ เพราะถ้าหากทางสงฆ์บอกว่าจัดการกันไม่ได้ก็ต้องมาถึงเรื่องของฝ่ายพนักงานสอบสวนจัดการ หากดูแลกันในฐานะผู้ปกครองที่เป็นผู้บังคับบัญชาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็จะยุ่งยาก ก็ต้องคุยกันว่าให้ผู้ดูแลทางสงฆ์ที่เราเชื่อว่าระบบของสงฆ์มีการปกครองเรื่องอาวุโส มีขั้นตอนว่าต้องฟังกันบ้าง แต่หากไม่ฟังกันก็จะเห็นความไม่ชัดเจน และไม่สามารถปกครองกันได้ ซึ่งจะเป็นคำถามให้กับสังคมเหมือนกันว่าทำไมจึงปกครองกันไม่ได้" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวทิ้งท้าย

 

ข้อมูล : ไทยโพสต์