- 13 ก.ย. 2559
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีที่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งกรรมการสอบหัวหน้าอุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อุทยานฯ สิมิลัน และอุทยานฯ อ่าวพังงา ในข้อหาคอรัปชั่น ทั้งที่อุทยานฯ ทั้ง 3 แหล่งทำรายได้รวมกันมากกว่า 1 พันล้านบาท
วันนี้ ( 13 ก.ย.) ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณะบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า รู้สึกทั้ง งง และเศร้าในเวลาเดียวกัน เพราะในยุคที่มีการเรียกร้องให้ปราบคอรัปชั่นกัน มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาปราบคอรัปชั่นสำเร็จ ทวงเงินของชาติที่เคยสูญเสียไปจำนวนมหาศาลได้คืนมา แต่ในที่สุดแล้ว คนเหล่านั้นกลับไม่ได้รับการปกป้อง มิหนำซ้ำยังถูกตราหน้า ตั้งคำถามที่ชวนให้ท้อแท้ใจอีกด้วย เรื่องรายได้สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่ของทั้ง 3 อุทยานฯ คือ อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ทำเงินรายได้ถึง 502 ล้านบาท จากเดิมปี 2558 ได้แค่ 74 ล้านบาท ในขณะที่ อุทยานฯ อ่าวพังงา ได้ 336 ล้านบาท ขณะที่ ปี 2558 ได้แค่ 57 ล้านบาทเท่านั้น ไม่รวมการบริหารจัดการเรื่อง อื่นๆ เช่น การดูแลปะการังฟอกขาว การจัดการขยะในพื้นที่ หากเปรียบเทียบทุกอย่างมันดูดีไปหมด เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หากจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบพวกเขา ตนเองคิดไม่ออกว่าจะสอบเรื่องอะไร
" น้ำตาผมกำลังไหล เพราะคิดถึงเจ้าหน้าที่ระดับเล็กๆ เงินเดือน 7 พันกว่าบาท ที่ทำงานเก็บเงินเข้าหลวงวันละ 2 ล้านเศษ พวกเขาลอยคอเก็บขยะในน้ำ ขับเรือยางฝ่าคลื่นไปพานักท่องเที่ยวที่ลอยไปกลับฝั่ง คอยดูแลคนต่างชาติต่างภาษาวันละไม่รู้กี่พันต่อกี่พันคน ตากแดดฝ่าลมไปห้ามคนให้อาหารลิง ไปห้ามคนให้อาหารปลา ไปจับปรับคนเก็บปะการังกลับบ้าน เริ่มงาน 6 โมงเช้า ไม่มีเวลาเลิกจนกว่านักท่องเที่ยวคนสุดท้ายจะไปจากเกาะ ไม่มีวันหยุด เจ้าหน้าที่แค่ไม่กี่สิบคน ต้องดูแลนักท่องเที่ยว 1,600,000 คนที่เกาะพีพี และ 1,300,000 คน ที่อ่าวพังงา ที่นอนอยู่ในเต็นท์ 1 ปี เพราะไม่มีบ้านซุกหัวนอน ไม่มีแม้สัญญาณโทรศัพท์เพื่อพูดคุยกับลูกเมียบนฝั่ง เจ้าหน้าที่เหล่านี้ร่ำไห้เมื่อท่านรัฐมนตรีถามว่าเป็นไงบ้าง น้ำตาคลอเบ้าเมื่อมีผู้สื่อข่าวไปสัมภาษณ์ ผมอยากให้คิดถึงคนเหล่านั้นบ้าง กรุณาคิดบ้างว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร เมื่อหัวหน้าพวกเขาโดนสอบ งานที่เขาทุ่มเททำมีเหตุอันควรที่ทำให้ถูกสงสัยว่าถูกต้องหรือไม่ อะไรคือสิ่งที่ได้รับ" ผศ.ธรณ์ กล่าว และว่า เจอกับกรณีแบบนี้ ทำให้ตนแทบอยากจะเลิกสอนจริยธรรมกับนักศึกษาไปเลย เพราะไม่รู้จะไปบอกกับนักศึกษาอย่างไร ในเมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งทำดี ไม่โกง พยายามทำงานรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติ แต่ผลสรุปออกมาว่า คนเหล่านั้น ไม่ถูกป้องป้อง แต่กลับถูกทำร้ายด้วย ตนรู้สึกตอบคำถามนักศึกษาไม่ได้สำหรับประเด็นนี้จริงๆ
ขณะที่ นายณัฐพล รัตนพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนกิจการทางทะเล สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานฯ กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการสอบหัวหน้า 3 อุทยานฯ ดังกล่าว ถือเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีผู้ร้องเรียน ซึ่งอาจจะเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวหรือเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ด้วยกันเอง เมื่อมีเรื่องร้องเข้ามาก็ต้องสอบเพื่อให้เกิดความกระจ่างและโปร่งใส ประเด็นที่ร้องเรียนเข้ามาที่กรมอุทยานฯ คือ การคอรัปชั่นเงินค่าธรรมเนียมที่เก็บได้เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่มีการนำมาปรับปรุงสถานที่ให้ดีขึ้น เช่น ที่จอดเรือ ไม่เก็บขยะทำความสะอาด รวมไปถึงการนำเงินค่าเข้ากระเป๋าตัวเอง เป็นต้น กรรมการสอบก็ต้องทำความจริงให้สาธารณชนทราบ
ด้านนายพงษ์พยัคฆ์ ศรียา เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวน กล่าวว่า ตนกำลังหารือกับผู้ใหญ่ในสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์(สบอ.) 5(นครศรีธรรมราช) ถึงประเด็นการสอบสวน เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่สำคัญสวนกับความรู้สึกของประชาชน ที่เห็นว่าอุทยานฯ ทั้ง 3 แห่ง มีการจัดเก็บรายได้มาก แต่ทำไมต้องถูกสอบ ตนเป็นคนกลางก็ลำบากใจ เดิมตั้งใจว่าจะทำหนังสือขอลาออกจากประธานสอบสวน แต่ขอหารือกับผู้ใหญ่ใน สบอ.5 ก่อน