คืบหน้า!!! แฉ “ปีเตอร์” มือฆ่าหั่นศพแช่แข็ง อ้างเลียบเเบบหนังดังฮอลลีวูดแนวฆาตกรต่อเนื่อง

คืบหน้า!!! แฉ “ปีเตอร์” มือฆ่าหั่นศพแช่แข็ง อ้างเลียบเเบบหนังดังฮอลลีวูดแนวฆาตกรต่อเนื่อง


จากกรณีเจ้าหน้าตำรวจกองบังคับการท่องเที่ยว (บก.ทท.) บุกทลายแก๊งปลอม พาสปอร์ต จับกุมนายวิลเลียม ปีเตอร์ จอห์นสัน อายุ 66 ปี อดีตทหารผ่านศึกเวียดนาม นายเจมส์ ดักกลาส แอคเกอร์ อายุ 63 ปี นายแอรอน เอโด้ หรืออารอน โธมัส แกเบล อายุ 40 ปี ชาวอเมริกันและจากการตรวจค้นตู้แช่เย็นขนาดใหญ่พบ ศพชายชาวต่างชาติ ถูกหั่นแยกชิ้นส่วนใส่ถุงดำแช่แข็งทราบชื่อ นายชาร์ล เอ็ดวาร์ด ดิตเลฟสัน สัญชาติอเมริกัน เชื้อชาติฮังการี อายุประมาณ 45-50 ปี ซีอีโอ บริษัทรับเหมาก่อสร้างและทำรางรถไฟแห่งหนึ่ง ในนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ก่อนหน้านี้ทั้งหมดยังให้การปฏิเสธไม่ทราบเรื่องการตายและการหั่นศพ นายชาร์ล เอ็ดวาร์ด ดิตเลฟสัน แล้วนำไปแช่แข็งอำพรางศพ อีกทั้งคำให้การในขณะนี้ เบื้องต้นยังมีพิรุธหลายอย่าง

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 ต.ค. 59 พ.ต.ท.เสถียร วิชญ์ธนมาลา รอง ผกก.(สอบสวน) สน.พระโขนง เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 ต.ค. จะเรียกประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนและคณะทำงานติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายคดี หลังจากสอบสวนปากคำนายวิลเลียม ปีเตอร์ จอห์นสัน ให้การซัดทอดว่า ผู้ที่ลงมือสังหารนายชาร์ล เอ็ดวาร์ดดิตเลฟสัน คือ เพื่อนป่วยเป็นมะเร็งเสียชีวิตและเผาศพที่วัดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวางไปแล้ว เมื่อช่วงเดือนมี.ค. ที่ผ่านมานั้น

พ.ต.ท.เสถียร กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้น พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดี ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา โดยในช่วงบ่ายวันที่ 3 ต.ค. ทีมพนักงานสอบสวนจะ เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อสอบปากคำนายแอรอน เอโด้ และนายเจมส์ ดักกลาส แอคเกอร์ เพิ่มเติม  และเตรียมเรียกอดีตภรรยานายปีเตอร์ เข้ามาสอบปากคำอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี ระบุผลตรวจรอยนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุและถุงดำที่ใช้บรรจุชิ้นส่วนศพอย่างไม่เป็นทางการ โดยในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า ถุงดำใช้ใส่ชิ้นส่วนศพ ไม่พบรอย นิ้วมือแฝงของนายปีเตอร์ แต่พบรอยนิ้วมือของบุคคลอื่นมากกว่า 1 คน และถุงบรรจุชิ้นส่วนศีรษะพบรอยนิ้วมือแฝงตรงกับนาย แอรอน โทมัส กาเบียล สัญชาติอเมริกัน ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทำให้พนักงานสอบสวนต้องเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนบรรยากาศที่ สน.พระโขนง ในวันนี้ไม่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือเจ้าหน้าที่ชุดทำงานคลี่คลายคดี รวมทั้งไม่มีประชุมเกี่ยวกับคดีแต่อย่างใด

มีรายงานว่า จากการสอบปากคำนาย ปีเตอร์ พบว่ายังคงให้การวกไปวนมา แบ่งรับแบ่งสู้ โดยยอมรับว่ามีส่วนรู้เห็นเรื่องศพในตู้แช่ และซัดทอดนายโรเบิร์ต โลแกน แกรนดี อายุ 65 ปี เพื่อนสนิท ป่วยเป็นมะเร็งเสียชีวิต เป็นผู้สั่งให้ดำเนินการในทุกขั้นตอน รวมทั้งชำแหละศพ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงนำหนังสือเดินทางปลอมที่พบในห้องของ นายปีเตอร์มาตรวจสอบ ระบุชื่อนายชาร์ล เอ็ดวาร์ด ดิตเลฟสัน ชาวแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นของศพถูกแช่แข็ง แต่พบพิรุธใหนังสือ เดินทางกลับเป็นรูปหน้าของนายปีเตอร์

นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า หนึ่งในคำให้การของนายปีเตอร์ และเป็นเบาะแสสำคัญ เชื่อว่านายปีเตอร์ น่าจะเป็นผู้ลงมือสังหาร และสวมใบหน้าในพาสปอร์ต เลียนแบบพฤติกรรมหนังชื่อดังของฮอลลีวูด เรื่องซอว์ เกมต่อตาย จัดเป็นหนังแนวสยองขวัญ เผยถึงวิธีการทรมานเหยื่อและเรื่อง ‘Catch Me If You Can จับให้ได้ ถ้านายแน่จริง’ สร้างจากชีวิตจริงของแฟรงค์ อบาเนล จูเนียร์ นักต้มตุ๋นอันดับต้น ๆ ของโลกชาวอเมริกัน มีพรสวรรค์ในการปลอมตัวเป็นแพทย์ นักบิน นักธุรกิจ และเชี่ยวชาญปลอมแปลงเช็ค เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน สอดรับกับข้อมูลจากเอฟบีไอ พบว่านายปีเตอร์ ฉ้อโกงสถาบันการเงินในสหรัฐ อเมริกาและมีพฤติกรรม กระทำความผิดเกี่ยวกับธุรกรรมบัตรเครดิต

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายปีเตอร์ พบความเชื่อมโยงว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวโยงกับขบวนการยาเสพติดและขบวนการค้ามนุษย์ มีประวัติเดินทางเข้าออกในหลายประเทศ ทั้งเมียนมา มาเลเซีย จีน ฮ่องกง และประเทศไทย อีกทั้งน่าจะเคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ออกแนวฆาตกรต่อเนื่อง และเมื่อกระทำผิดจะใช้หนังสือเดินทางปลอมเข้าออกประเทศต่าง ๆ เพื่อหลบเลี่ยงความผิด ส่วนสารเคมีในห้องนายปีเตอร์ มีลักษณะคล้ายสารเสพติดประเภทกล่อมประสาท อย่างไรก็ตามต้องรอผลตรวจอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อนำมาประกอบสำนวนเอาผิดต่อไป

ที่มา workpoint tv