- 07 พ.ย. 2559
จากกรณีมีคลิปวิดีโอเผยแพร่ภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ขณะนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือที่รู้จักกันในชื่อ น็อต เวคคลับ พิธีกรชื่อดัง ด่าทอและต่อยหน้านายกิตติศักดิ์ สิงโต อาชีพฝ่ายคัดกรองเอกส
จากกรณีมีคลิปวิดีโอเผยแพร่ภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ขณะนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือที่รู้จักกันในชื่อ
น็อต เวคคลับ พิธีกรชื่อดัง ด่าทอและต่อยหน้านายกิตติศักดิ์ สิงโต เนื่องจากนายกิตติศักดิ์ขี่จักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์ คันทรี่แมน ของน็อตจนไฟท้ายแตก และน็อตเข้าใจว่าคู่กรณีตั้งใจจะหนีจึงบันดาลโทสะ ซึ่งหลังคลิปวิดีโอดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าพิธีกรดังทำเกินกว่าเหตุ ทั้งนี้ น็อต เวคคลับ ยังเคยได้รับการเชิดชู โดยได้รับรางวัล คนไทยตัวอย่างอีกด้วย
โดย (7 พ.ย.) พระมหาไพรวัลย์ วรรณบุตร พระนักคิดนักเขียน วัดสร้อยทอง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า รางวัลคนไทยตัวอย่างนี่ เขาใช้วิธีนั่งทางในคัดเลือก หรือหมุนวงล้อสี่ครั้งจับเอาใช่ไหม ถึงได้แต่คนประเภทกึ่งสุกกึ่งดิบ ทั้งนั้น นี่เรายังไม่ต้องพูดถึงรางวัลอื่นอื่น อย่าง รางวัลลูกกตัญญู พ่อแม่ดีเด่น หรือแม้แต่รางวัลผู้อุทิศตนเพื่อสิทธิมนุษยชน อะไรพวกนั้นอีก ซึ่งล้วนแล้วแต่มอบให้คนจอมปลอมเป็นส่วนมาก
โครงการคนไทยตัวอย่าง เป็นกิจกรรมแรกที่มูลนิธิธารน้ำใจเริ่มดำเนินการตามความมุ่งหมายที่จะลดช่องว่างในสังคม ด้วยการสรรเสริญยกย่องคนดีที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ อุทิศตนเพื่องานและสังคม โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้สังคมได้รู้จัก และให้กำลังใจ
มูลนิธิธารน้ำใจทำการคัดเลือกคนไทยตัวอย่างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 ได้คนไทยตัวอย่าง 68 คน ยังมีชีวิตอยู่ 58 คน ทุกคนยังคงประกอบคุณงามความดีอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีเป็นการยากที่จะทราบว่าใครเป็นคนไทยตัวอย่างปีไหน คณะกรรมการมูลนิธิธารน้ำใจจึงมีมติกำหนดเลขประจำตัวคนไทยตัวอย่าง โดยใช้เลข 4 ตัว สองตัวหน้าใช้เลขท้ายของปี พ.ศ. ที่รับการยกย่อง ส่วนสองตัวหลังเรียงลำดับคนไทยตัวอย่างที่รับการยกย่องเฉพาะภายในปีเดียวกัน กำหนดตามลำดับอักษร และให้จัดทำเข็มเครื่องหมายโดยใช้สัญลักษณ์ของมูลนิธิฯ เป็นเข็มทองคำลงยาจารึกเลขประจำตัวไว้ด้านหลัง เพื่อมอบเข็มเครื่องหมายให้คนไทยตัวอย่างทุกคน
สำหรับ หลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกคนไทยตัวอย่าง
1. หลักเกณฑ์เบื้องต้น
1.1 เป็นคนสัญชาติไทยที่มีความประพฤติดี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย
1.2 เป็นผู้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ อุทิศตนเพื่องาน และสังคม โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมด้วยความบริสุทธิ์ใจ (ผู้ที่บริจาคทรัพย์สิ่งของเพื่อการกุศลเพียงอย่างเดียว ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอแก่การนี้)
1.3 นอกจากปฏิบัติหน้าที่ประจำได้ผลดีเด่นเป็นพิเศษแล้ว ยังต้องทำประโยชน์แก่ส่วนรวมที่ควรยกย่องเป็นตัวอย่างแก่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นการกระทำนอกเหนือจากหน้าที่ปกติ (ผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำตามปกติ ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอแก่การนี้)
1.4 ควรเป็นบุคคลที่ไม่เคยได้รับการยกย่องหรือเป็นที่รู้จักสรรเสริญอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว (มูลนิธิฯ มีความประสงค์จะยกย่องคนดีที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง)
1.5 กระทำความดีตามข้อ 1.2 และ ข้อ 1.3 อย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 5 ปี
2. หลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบ คณะกรรมการฯ จะได้พิจารณาเปรียบเทียบ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
2.1 การเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
2.2 จำนวนคนที่ได้รับประโยชน์จากการกระทำของบุคคลนี้
2.3 ปริมาณและคุณภาพของประโยชน์ที่ได้รับ
2.4 ความเดือดร้อนและ ความจำเป็นของผู้ได้รับประโยชน์
2.5 ความคิดริเริ่มและความพยายามฟันฝ่าอุปสรรค
2.6 ระยะเวลาที่ปฏิบัติงาน และโอกาสที่จะปฏิบัติต่อไป
อ้างอิงจาก FB พระมหาไพรวัลย์ วรรณบุตร และ มูลนิธิธารน้ำใจ
เรียบเรียงโดย ชนุตรา สำนักข่าวทีนิวส์