"คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย...

"คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย...

สถานการณ์ภาคใต้ล่าสุด นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวสรุปสถานการณ์ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง และอุทกภัยทางภาคใต้ว่า ขณะนี้เกิดน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมฉับพลันใน 10 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร และระนอง รวม 91 อำเภอ 569 ตำบล 4,205 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 330,318 ครัวเรือน 958,602 คน ผู้เสียชีวิต 19 ราย สูญหาย 1 ราย

สถานที่ราชการเสียหาย 5 แห่ง ถนน 218 จุด คอสะพาน 59 แห่ง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ ยะลา และระนอง ยังคงมีสถานการณ์ใน 8 จังหวัด รวม 85 อำเภอ 523 ตำบล 4,020 หมู่บ้าน โดยจ.พัทลุง น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอกงหรา อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอควนขนุน อำเภอปากพะยูน อำเภอศรีบรรพต อำเภอเขาชัยสน อำเภอป่าบอน อำเภอบางแก้ว อำเภอป่าพะยอม และอำเภอตะโหมด รวม 65 ตำบล 663 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 54,549 ครัวเรือน 128,036 คน

จังหวัดนราธิวาส น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอระแงะ อำเภอรือเสาะ อำเภอศรีสาคร อำเภอแว้ง อำเภอสุคิริน อำเภอสุไหงโก – ลก อำเภอสุไหงปาดี อำเภอจะแนะ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอยี่งอ อำเภอตากใบ และอำเภอบาเจาะ รวม 75 ตำบล 496 หมู่บ้าน 3 เทศบาล 35 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,420 ครัวเรือน 131,182 คน

จังหวัดสงขลา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหาดใหญ่ อำเภอนาหม่อม อำเภอสะเดา อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอควนเนียง อำเภอรัตภูมิ อำเภอคลองหอยโข่ง อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสิงหนคร อำเภอสทิงพระ และอำเภอระโนด รวม 51 ตำบล 316 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 17,778 ครัวเรือน 53,455 คน

"คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย...

จังหวัดปัตตานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกโพธิ์ อำเภอยะรัง อำเภอกะพ้อ อำเภอหนองจิก อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอสายบุรี อำเภอแม่ลาน และอำเภอไม้แก่น รวม 46 ตำบล 180 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,599 ครัวเรือน 15,644 คน จ.ตรัง น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาโยง อำเภอรัษฎา อำเภอเมืองตรัง อำเภอห้วยยอด และอำเภอวังวิเศษ รวม 29 ตำบล 6 เทศบาล 235 หมู่บ้าน 15 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 94,448 ครัวเรือน 32,312 คน

จังหวัดสุราษฎร์ธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอบ้านนาสาร อำเภอดอนสัก อำเภอท่าชนะ อำเภอเกาะสมุย อำเภอไชยา อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และอำเภอบ้านนาเดิม รวม 57 ตำบล 427 หมู่บ้าน 25 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ53,720 ครัวเรือน 177,135 คน จ.นครศรีธรรมราช น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 23 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอวด อำเภอทุ่งสง อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอท่าศาลา อำเภอสิชล อำเภอนาบอน อำเภอพิปูน อำเภอช้างกลาง อำเภอฉวาง อำเภอนบพิตำ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอพระพรหม อำเภอ เชียรใหญ่ อำเภอขนอม อำเภอพรหมคีรี อำเภอลานสกา อำเภอบางขัน อำเภอปากพนัง อำเภอถ้ำพรรณรา อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอหัวไทร และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ รวม 154 ตำบล 1,281 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 72,337 ครัวเรือน

จังหวัดชุมพร มีน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งตะโก อำเภอพะโต๊ะ อำเภอหลังสวน อำเภอละแม อำเภอสวี และอำเภอเมืองชุมพร รวม 46 ตำบล 422 หมู่บ้าน 1 เทศบาล 17 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,272 ครัวเรือน 47,113 คน ในภาพรวมสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีฝนตกในพื้นที่ ระดับน้ำลดลง ยกเว้นจังหวัดนครศรีธรรมราช และชุมพร ระดับน้ำเพิ่มขึ้น และนราธิวาส ระดับน้ำทรงตัว

"คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย...

ล่าสุดได้ติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทย พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทะเลอันดามันตอนล่างและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ประสานจังหวัดดังกล่าวและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมรับมืออุทกภัยและดินถล่ม โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที สำหรับผู้ประกอบการทางน้ำและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 9 มกราคมนี้

"คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย...

 

 

ปัญหาอุทกภัยของอำเภอหาดใหญ่ที่บรรเทาเบาบางลงไปเป็นอย่างมากนั้นหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะ โครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ตามแนวพระราชดำริ อาจจะมีบ้างในบางครั้งที่น้ำเพิ่มระดับสูงบ้าง แต่สุดท้ายน้ำก็จะไหลลงสู่คลองระบายน้ำด้วยดี และไหลออกสู่ทะเลสาบสงขลาได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง  จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของ “ในหลวง ร.9” ต่อชาวอำเภอหาดใหญ่ และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างอเนกอนันต์ "คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย...

เมื่อปี 2531 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัส เนื่องจากในเดือนพฤศจิกายนมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้เกิดอุทกภัย สร้างความเสียหายแก่พื้นที่เพาะปลูก บ้านเรือน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สิน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 4,000 ล้านบาท ดังนี้

“การแก้ไขและบรรเทาอุทกภัยด้วยวิธีการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่คลองอู่ตะเภาหรือตามลำน้ำสาขา เพื่อสกัดกั้นน้ำจำนวนมากไม่ให้ไหลมายังเมืองหาดใหญ่นั้น คงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่มีทำเลที่เหมาะสมในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ดังกล่าวได้เลย ดังนั้น การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภา หรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว นอกจากนั้น หากต้องการที่จะป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่ธุรกิจให้ได้ผลโดยสมบูรณ์แล้ว หลังจากที่ก่อสร้างคลองระบายน้ำเสร็จ ก็ควรพิจารณาสร้างคันกั้นน้ำรอบบริเวณพื้นที่ดังกล่าว พร้อมกับติดตั้งระบบสูบน้ำออกจากพื้นที่ไม่ให้ท่วมขังตามความจำเป็น ทั้งนี้ ให้พิจารณาร่วมกับระบบของผังเมือง ให้มีความสอดคล้องและได้รับประโยชน์ร่วมกันด้วย”

"คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย... "คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย...

น้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ปี2531

จึงเป็นที่มาของโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่  อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ซึ่งพระราชทาน เมื่อวันที่  24  ธันวาคม พ.ศ.2531 กรมชลประทานจึงได้สนองพระราชดำริ โดยการขุดลอกคลองธรรมชาติ  ในปีพ.ศ.2532  จำนวน  4  สายรวม 46.900 กม. เพื่อให้สามารถระบายน้ำเร็วขึ้น  ประกอบด้วย

1. คลองอู่ตะเภา  ความยาว 19.000  กิโลเมตร

2.คลองอู่ตะเภา แยก 1  ความยาว  5.900 กิโลเมตร

3.คลองอู่ตะเภา แยก 2  ความยาว  5.500 กิโลเมตร

4.คลองท่าช้าง-บางกล่ำ  ความยาว  16.500 กิโลเมตร

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2543ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันอีกครั้ง ทำให้คลองระบายน้ำธรรมชาติที่ขุดลอกไว้ไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้จึงทำให้เกิดอุทกภัยบริเวณเทศบาลนครหาดใหญ่ และบริเวณใกล้เคียง  สร้างความเสียหายประมาณ  18,000 ล้านบาท  ประชาชนเสียชีวิต  30  คน

"คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย... "คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย...

น้ำท่วมหาดใหญ่ ปี  2543

คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ เมื่อวันที่  19  ธันวาคม พ.ศ.2543 ให้ดำเนินการโครงการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย ในส่วนของโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่  จึงได้ดำเนินการขุดคลองระบายน้ำเพิ่มจำนวน  7 สายดังนี้

1.  ขุดคลองระบายน้ำ  ร.1 พร้อมอาคารประกอบ เป็นคลองระบายน้ำสายหลักในการผันน้ำจากคลองอู่ตะเภาอ้อมเมืองหาดใหญ่สู่ทะเลสาบสงขลาโดยตรง ความยาว  21.343  กม. สามารถระบายน้ำได้  465ลบ.ม./วินาที โดยมีอาคารควบคุมปริมาณน้ำ ประกอบด้วย

- ประตูระบายน้ำคลองอู่ตะเภา ขนาด  12.50 x 7.50  ม. จำนวน  2  ช่อง

- ประตูระบายน้ำบ้านหน้าควน ขนาด  12.50 x 7.50  ม. จำนวน  2  ช่อง

- ประตูระบายน้ำบางหยี  ขนาด  6.00 x 6.00  ม. จำนวน  6  ช่อง

2.  ขุดคลองระบายน้ำ  ร.3 พร้อมอาคารประกอบ เป็นคลองแบ่งน้ำเพื่อช่วยระบายน้ำจากคลองอู่ตะเภาตอนนอกเมืองหาดใหญ่ซึ่งช่วยบรรเทาอุทกภัยให้กับพื้นที่ริมฝั่งคลองอู่ตะเภาตอนล่าง ความยาว 8.200 กม.สามารถระบายน้ำได้  195  ลบ.ม./วินาที โดยมีอาคารควบคุมปริมาณน้ำ ประกอบด้วย  ประตูระบายน้ำปลายคลองขนาด 6.00x6.00 ม. จำนวน  3  ช่อง

3.  ขุดคลองระบายน้ำ  ร.4  พร้อมอาคารประกอบ  เป็นคลองแบ่งน้ำจากคลองเตยตามเขตทางรถไฟ  สายหาดใหญ่-สงขลา  และรับน้ำจากคลองระบายน้ำ ร.5  สู่ทะเลสาบสงขลา  ผ่านทางคลองระบายน้ำ ร.3  ความยาว  6.920 กม. สามารถระบายน้ำได้  55 ลบ.ม./วินาทีโดยมีอาคารควบคุมปริมาณน้ำ ประกอบด้วยประตูระบายน้ำกลางคลอง ขนาด 6.00 x 5.00 ม. จำนวน  2  ช่อง

4.  ขุดคลองระบายน้ำ  ร.5 พร้อมอาคารประกอบ เป็นคลองระบายน้ำจากบริเวณสามแยกคอหงส์ออกทะเลสาบสงขลา  ผ่านคลองระบายน้ำ  ร.4  และ  ร.3 ตามลำดับ  ความยาว  2.660 กม.  สามารถระบายน้ำได้  30 ลบ.ม. /วินาที

5.ขุดคลองระบายน้ำ ร.6  พร้อมอาคารประกอบ เป็นคลองผันน้ำจากคลองเรียนและแก้มลิงของเทศบาลนครหาดใหญ่ไปลงคลองหวะ เพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลาผ่านคลองระบายน้ำ ร.1ช่วยบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ตอนล่างของคลองเรียน ความยาว  3.160  กม. สามารถระบายน้ำได้  50  ลบ.ม./วินาที โดยมีอาคารควบคุมปริมาณน้ำ ประกอบด้วย

- ประตูระบายน้ำ  ขนาด 3.80 x 4.00 ม.  จำนวน  2  ช่อง

- ท่อระบายน้ำคลองเรียน  ขนาด 2.00 x 2.00 ม. จำนวน  2  ช่อง

6.  ขุดคลองระบายน้ำ 1ซ. – ร.1  พร้อมอาคารประกอบ  ความยาว 4.620  กม.  ประกอบด้วย

- ประตูระบายน้ำคลองระบาย  1 ซ – ร.1  ขนาด 6.00 x 6.00  ม.  จำนวน  2  ช่อง

7. ขุดคลองระบายน้ำ  1ข.–1ซ.–ร.1ความยาว  0.562 กม. ประกอบด้วย

- ประตูระบายน้ำคลองต่ำ  ขนาด 6.00 x 6.00  ม. จำนวน  1  ช่อง

- ประตูระบายน้ำคลองวาด  ขนาด  6.00 x 6.00  ม.  จำนวน  1  ช่อง

รวมงบประมาณที่ใช้ก่อสร้างทั้งสิ้น 2,900  ล้านบาท สามารถระบายน้ำได้รวม 1,075 ลบ ม./วินาที  ซึ่งมากกว่าเมื่อยังไม่ก่อสร้างโครงการฯถึง  2.5 เท่า

"คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย...

โครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่

คลองระบายน้ำ  โครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่

 ขนาดคลองระบายน้ำ

"คิดถึงพ่อ"...สิ่งที่"ในหลวง ร.9"ฝากไว้ ให้ชาวหาดใหญ่ได้พ้นภัยน้ำท่วม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะจดจำไว้ในหัวใจไปจนวันตาย...

Jirasak Tnews

Cr.rdpb.go.th