ไขข้อสงสัยเรื่องควายๆ !!! ทำไมว่ายน้ำเก่ง แต่ก็หมดพลัง... แพ้แรงน้ำท่วมใต้จมตายไปหลายตัว (รายละเอียด)

จากกรณีเมื่อวันที่ 8 ม.ค.60 ในเฟซบุ๊กส่วนตัว "Singtho สิริธร" ได้โพสต์ภาพควายที่กำลังถูกภัยน้ำท่วมเกิดจากอุทกภัยในจังหวัดกระบี่ ซึ่งไม่ใช่แค่ประชาชาชนเท่านั้นที่กำลังเดือดร้อน ยังมีสัตว์จำนวนมากที่กำลังเดือดร้อนอย่างหนักเช่นเดียวกัน ซึ่งในโพสต์ระบุข้อความว่า....

"ภาพฝูงควายน้ำที่หลายท่านได้เห็นจากสะพานทะเลน้อยกำลังดำน้ำกินหญ้า ตอนน้ำเริ่มมา ตายไปเรื่อยๆเนื่องจากว่ายน้ำไม่ไหวและลอยน้ำเป็นเวลานาน วันนี้น้องชายได้ไปช่วยส่งเสบียงให้คนที่ดูแลแต่ยังกลับมาไม่ได้เนื่องจากคลื่นลมแรง พรุ่งนี้จะมีบางส่วนจากกระบี่ และภูเก็ตนำไปช่วยสมทบครับ"

 

และอีกหนึ่งโพสต์เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 60ได้ระบุข้อความว่า...เช้านี้ตัวที่ 28 ในรอบน้ำมาครั้งนี้เจ้าควายน้อยคงเหนื่อยและหิวน่าดูกับการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด หมดกรรมแล้วซินะจะได้กลับไปสู่ภพภูมิที่ดีต่อไป ที่ยังอยู่ก็ขอให้น้ำลดไวๆจะได้มีหญ้ากินสู้ชีวิตบนโลกต่อไป

 

ทั้งนี้ชาวบ้านทะเลน้อยนำควายมาเลี้ยงในพื้นที่นานกว่า 100 ปีมาแล้ว เป็นการปล่อยออกไปกินหญ้าเองตามทุ่งหญ้าขนาดใหญ่เหมือนชาวบ้านในพื้นที่อื่น แต่ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของทะเลน้อย ทำให้ในช่วงฤดูน้ำหลาก ทุ่งหญ้าที่เป็นแหล่งหากินของควายต้องจมอยู่ใต้ผืนน้ำเป็นเวลา 5 เดือนใน 1 ปี ส่งผลให้ควายต้องปรับตัวอาศัยหากิน ด้วยการว่ายน้ำเป็นระยะทางไกล เพื่อดำน้ำลงไปกินหญ้าที่จมอยู่ใต้น้ำ บางตัวสามารถดำน้ำได้นานจะมุดหัวลงน้ำ เท้าหลังชี้ขึ้นฟ้ากินหญ้าน้ำได้คราวละ หลายนาที ส่วนลูกควายตัวเล็กจะดำน้ำลงไปทั้งตัว เป็นภาพที่ชาวทะเลน้อยเห็นชินตามาหลายชั่วอายุคน จนเรียกขานควายในทะเลน้อยว่า "ควายน้ำ" ตามลักษณะการหากิน

ต่เดิมเป็นควายบ้านที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงแบบปล่อยทุ่งให้หากินหญ้ากันเอง ทำให้มีการผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ จนประชากรควายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีวิถีชีวิตคล้ายควายป่าโดยควายน้ำแต่ละฝูงจะมีขนาดเล็กใหญ่ตั้งแต่ ฝูงละ 5 - 6 ตัว ไปจนถึงฝูงใหญ่เกือบ 100 ตัว มีจ่าฝูงคอยควบคุมพาฝูงออกจากคอกไปหากินในทุกเช้า และกลับเข้าคอกเองในช่วงเย็น บางฝูงอาศัยนอนตามโคกเนิน หรือเกาะแก่งกลางน้ำ ปัญหาการเรียกชื่อของสัตว์เท้ากลีบหรือเจ้าควาย หรือควายน้ำ หรือ ควายทะเล ซึ่งมีความสับสนกันเป็นอย่างมากทีเดียว 

ควายในป่าพรุแถบรอบลุ่มทะเลสาบสงขลาประกอบด้วยตำบลพนางตุง ตำบลทะเลน้อย จ.พัทลุง และต.บ้านขาว อ.ระโนด สงขลา ประมาณ 100 คอก เกือบ 5000 ตัว เป็นควายเลี้ยงปล่อยแบบเช้าไป-เย็นกลับ อาศัย และหากิน อยู่ในป่าพรุ และในทะเลสาบสงขลาตอนบน ทำให้ผู้คนเข้าใจว่าควายแถบนี้เป็น “ควายน้ำ” และเรียกว่า “ควายทะเล” เป็นการเข้าใจผิดในเรื่องสายพันธุ์ควายอย่างแรง

 

ชนิดของควาย ควายที่พบในโลกนี้แบ่งได้เป็นสองกลุ่มใหญ่คือควายป่าและควายบ้าน ควายบ้านแบ่งได้เป็น ๒ ชนิด คือ ควายปลัก(swamp bufffalo)และควายน้ำหรือควายแม่น้ำ (river buffalo)ทั้งควายปลักและควายน้ำจัดเป็นสปีชี(species)เดียวกันมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bubalus bubalis แต่ก็มีความแตกต่างกันทางสรีระ รูปร่างอย่างเห็นได้ชัดเจน การศึกษาทางด้านชีวโมเลกุล นักวิทยาศาสตร์พบว่า ควายปลักมีจำนวนโครโมโซม ๒๔ คู่ ส่วนควายน้ำมีจำนวนโครโมโซม ๒๕ คู่ แต่ควายทั้งสองชนิดนี้สามารถผสมพันธุ์กันได้

ควายปลักมีนิสัยชอบนอนแช่ปลัก มีรูปร่างล่ำสัน ผิวหนังมีสีเทาเข้มเกือบดำ อาจมีสีขาวเผือก มีขนบางขึ้นตามตัว ลำตัวหนาลึก ท้องใหญ่ หัวยาวแคบ เขามีลักษณะแบนโค้งไปข้างหลัง หน้าสั้น หน้าผากแบนราบ ตานูนเด่นชัด ช่วงระหว่างรูจมูกทั้งสองข้างกว้าง คอยาวและบริเวณใต้คอจะมีขนขาวเป็นรูปตัววี (chevlon) หัวไหล่ และอกนูนเห็นชัด

ควายแม่น้ำ พบมากในประเทศอินเดีย ปากีสถาน อียิปต์ ประเทศในยุโรปตอนใต้ และยุโรปตะวันออก เป็นควายที่ให้นมมาก ตัวเมียมีเต้านมขนาดใหญ่ให้น้ำนมมากประมาณวันละ 5 ลิตร นิยมเลี้ยงไว้เพื่อรีดนม ไม่ชอบลงแช่โคลนแต่จะชอบน้ำที่สะอาด มีหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์มูร่าห์ นิลิ เม-ซานี ราวี เซอติ และเมดิเตอเรเนียน เป็นต้น

 ในบางปีที่น้ำท่วมหนัก ระดับน้ำในทุ่งหญ้าท่วมสูงมากจนหญ้าจมมิดอยู่ใต้น้ำแต่ควายก็สามารถดำน้ำลงกินหญ้าที่จมอยู่ใต้น้ำได้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากที่ควายไม่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้เพราะทนว่ายน้ำอยู่นานจนหมดแรงและลอยคอเป็นเวลานานเกินไป บางตัวก็มีอาการล้มป่วย เกิดจากการปอดบวมและชักตายในที่สุด

tossarit