ด่วน !!! ส่องความต้องการของพี่น้องชาวใต้ ...พอก่อนได้ไหมข้าวสารอาหารแห้ง (รายละเอียด)

จากสถานการณ์น้ำท่วมประชาชนได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง กับสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในภาคใต้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ได้มีประชาชนหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ประชาชนจิตอาสา ได้มีการบริจาคสิ่งของ ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ร่วมถึงข้าวของเครื่องใช้บางส่วน ให้กับผู้ประสบอุทกภัยกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการต่อประชาชนแล้ว

โดยทางเพจเฟสบุ๊ค คนรักบางสะพาน ว่า มีความขาดแคลนและต้องการเพิ่มเติมเป็นอย่างมาก เช่น หม้อหุงข้าว ถ้วยจานชาม ร้องเท้าแตะ ของใช้ส่วนตัวชาย-หญิง ยาแก้เชื้อรา ที่นอน หมอนมุง เนื่องจากสิ่งของเหล่านี้ได้หายไปกับน้ำ และได้รับความเสียหายอย่างมาก จึงไม่มีสิ่งของที่สามารถทำอาหารให้สุกได้ ให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพราะข้าวของเหล่านี้ได้หายไปกับเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วม

เนื่องจากน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าสู่ระดับวิกฤตแล้ว โดยระดับน้ำสูงขึ้นตั้งแต่ (9 ม.ค.) โดยเฉพาะที่บริเวณแยกบางสะพาน บางจุดน้ำสูงเกิน 1 เมตร หลังจากที่น้ำฝนและน้ำป่าที่ไหลมาจากเทือกเขาตะนาวศรี ทำให้มวลน้ำจำนวนมากไหลลงสู่ถนนเพชรเกษม ซึ่งพบว่ามีรถยนต์จมน้ำจำนวนมาก ขณะที่โรงพยาบาลบางสะพานเริ่มมีน้ำทะลักเข้าท่วมแล้ว โดยทางด้าน นพ.เชิดชาย ชยวัฑโฒ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางสะพาน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการอพยพคนไข้ประมาณ 40 คน ไปอยู่บริเวณชั้น 6 ของอาคาร 6 ชั้น เนื่องจากน้ำที่ไหลบ่าเข้ามาได้ท่วมชั้น 1 อาคารชั้นเดียวไปแล้วจำนวน 3 หลัง อีกทั้งน้ำ ไฟ และบ่อบำบัดน้ำเสีย ถูกตัดขาดทั้งหมด แต่ในส่วนของผู้ป่วยหนักได้ทำการเคลื่อนย้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว และให้ทหารขนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปอยู่ในจุดที่น้ำท่วมไม่ถึงแล้ว และเวลาประมาณ 21.00 น. หลังฝนหยุดตกหลายชั่วโมง ทำให้ระดับน้ำได้ลดลงมาก จนรถทุกชนิดสามารถแล่นผ่านไปมาบนถนนสายเอเชีย 41 ได้ทั้งขาขึ้นและขาล่อง โดยจะต้องใช้เลนด้านขวาของถนนเป็นหลัก เนื่องจาก ช่องจราจรเลนด้านซ้าย ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ และลึกประมาณ 10-20 ซม. นอกจากนี้ น้ำยังได้ท่วมทางรถไฟระหว่างสถานีบางสะพานใหญ่ - ชะม่วง จ.ประจวบฯ สูงกว่าสันรางประมาณ 20 ซม. ทำให้ขบวนรถไม่สามารถวิ่งผ่านได้ รฟท. จึงต้องให้ขบวนรถ 13 ขบวน วิ่งกลับไปยังสถานีต้นทาง ซึ่งผู้โดยสารสามารถขอรับเงินคืนได้เต็มจำนวน และวันที่ 10 ม.ค.สถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังเกิดฝนตกหนักสะสมจนมวลน้ำไหลทะลักสันอ่างเก็บน้ำ ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลเชี่ยวกรากล้นทะลักเข้าท่วมถนนบ้านเรือน ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนหนัก โดยทางด้านของนายชนการ ทิพย์ประเสริฐสุข นายอำเภอบางสะพานน้อย กล่าวว่า ได้สั่งการผู้ใหญ่บ้าน กำนัน พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พบถนนภายในหมู่บ้านเสียหาย 16 สาย สะพานชำรุด 7 แห่ง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายกว่า 500 ไร่ บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมขัง กว่า 250 ครัวเรือน

กรมอุตุนิยมล่าสุด เตือนฝนตกหนักบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย
บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ มีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้จะมีฝนตกต่อเนื่องดังนี้ ในวันที่ 17 มกราคม 2560 จะมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา
 ในช่วงวันที่ 18-22 มกราคม 2560 จะมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ฝนที่ตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และในพื้นที่เสี่ยงขอให้เฝ้าระวังดินโคลนถล่ม และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาในระยะนี้อย่างใกล้ชิด ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 22 มกราคม 2560 นี้ไว้ด้วย
  ประกาศ ณ วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.00 น.
กรมอตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.00 น.

ตอนนี้นั้นบางจังหวัดก็ได้คลี่คลายไปบ้างแล้ว แต่บางจังหวัดก็ยังคงต้องติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า ฝนที่ตกหนักตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดอุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีจังหวัดได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด รวม 119 อำเภอ 722 ตำบล 5,613 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 531,911 ครัวเรือน 1,621,414 คน ผู้เสียชีวิต 43 ราย สถานที่ราชการเสียหาย 20 แห่ง ถนน 1,172 จุด คอสะพาน 191 แห่ง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว  6 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ระนอง นราธิวาส ปัตตานี กระบี่ และชุมพร ยังคงมีสถานการณ์ใน 6 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์ รวม 27 อำเภอ 194 ตำบล 1,398 หมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 17 – 22 มกราคม 2560 แบ่งเป็น 2 ช่วง โดยวันที่ 17 มกราคม 2560 ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส และช่วงวันที่ 18 - 22 มกราคม 2560 ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง คลื่นสูง 2 – 3 เมตร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสาน 12 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี และเขต 12 สงขลา จัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที

สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคเงินสด ได้ที่ได้ที่ บัญชี เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย เลขที่ 302-2-882151 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขานนทบุรี    และถ้าจะร่วมบริจาคสิ่งของ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ก็สามารถบริจาคได้ที่ สำนักข่าวทีนิวส์ ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี โทรศัพท์ 0980627111

 

อัจฉรา สำนักข่าวทีนิวส์