รําไม่ดีโทษปี่โทษกลอง !?!?  “กิตติรัตน์” ให้การในศาล ฟังไปฟังมา เพราะรัฐประหาร “จำนำข้าว” เลยขายไม่หมด

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าว พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ได้ไต่สวนพย

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าว พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ได้ไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 10 คดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อายุ 49 ปี อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

 

ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นำพยานเข้าไต่สวนเพียงปากเดียวคือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งเบิกความถึงโครงการรับจำนำ 8 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ความจำเป็นทางเศรษฐกิจและสังคม 2.หลักการสำคัญของโครงการรับจำนำข้าว 3.โครงการมีขนาดใหญ่เกินไปหรือไม่ 4.การใช้เงินของโครงการ 5.กรอบเงินทุนหมุนเวียน 6.วิธีการบริหารการเงินการคลังของรัฐบาล 7.ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และ 8.ความใส่ใจเมื่อมีข้อเสนอแนะและทักท้วง

โดยนายกิตติรัตน์ได้สรุปคำให้การประกอบสไลด์ ระบุว่า ความจำเป็นของการจัดทำโครงการก็เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของกลุ่มเกษตรกรที่ประสบปัญหาความยากจน และยังมีความจำเป็นด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการแก้ปัญหารายได้เฉลี่ยประชาชนต่อคน ขณะที่หลักการสำคัญในการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรที่มีอยู่ 3.7 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 15 ล้านคน แต่การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวมีเกษตรกรหลายรายไม่ได้เข้าโครงการ ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหา เพราะชาวนาสามารถขายข้าวให้แก่เอกชนโดยตรงได้ และเอกชนก็แข่งขันกันซื้อขายข้าวและส่งออกได้

 

โดยการกำหนดราคารับจำนำข้าว 1,500 บาทต่อตัน เป็นการคำนวณจากต้นทุนการผลิต และเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัวชาวนา 1 คนให้มีรายได้เฉลี่ย 300 บาท ซึ่งการทำโครงการรับจำนำข้าว ยังทำควบคู่ไปกับนโยบายสาธารณะอื่น เช่น การปรับเงินเดือน 15,000 บาท สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ขณะที่จะมีการจัดทำโครงการนี้ได้มีการศึกษาโครงการที่รัฐบาลอื่นเคยทำมาก่อนหน้านี้ เช่น โครงการประกันรายได้พืชผลทางการเกษตร ซึ่งทำได้ดีกับพืชยืนต้น และมีขั้นตอนไม่มาก แต่ยังมีจุดอ่อนตรงที่เกษตรกรอาจจะไม่ได้ราคาตามที่มีการอ้างอิงไว้ ขณะที่การตรวจสอบการขึ้นทะเบียนพื้นที่เพาะปลูกจะมีปัญหา เพราะการปลูกข้าวจะใช้ระยะเวลาเพียง 2-3 เดือน และเก็บเกี่ยว

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า เงินทุนที่ใช้ในโครงการเป็นเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และเงินกู้ ธ.ก.ส.ที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน โดยวิธีทางการเงินการธนาคารของรัฐบาลได้มีการควบคุมโดยการกำหนดกรอบวงเงินหมุนเวียนที่ใช้ในโครงการไม่เกิน 5 แสนล้านบาท

 

ส่วนที่มีหนังสือทักท้วงมาแต่ไม่ได้ยุติการทำโครงการจำนำข้าวนั้น จะเห็นว่าทุกข้อทักท้วงเป็นการอ้างอิงข้อมูลโครงการในอดีตที่มีปัญหา โดยไม่ได้พิจารณาว่าโครงการรับจำนำข้าวได้ปรับปรุงนโยบายก่อนดำเนินโครงการแล้ว ขณะที่ระหว่างการดำเนินโครงการก็ได้มีแก้ไขตามข้อทักท้วง รวมถึงมีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองในด้านต่างๆ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีดูแล ซึ่งตนก็เป็นทีมคณะกรรมการกลั่นกรองดูแลด้านเศรษฐกิจ ตนจึงเสนอความเห็นต่อจำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และสภาพัฒน์ได้ประเมินโครงการแล้ว ยืนยันว่าโครงการจำนำข้าวช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น และมีความคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จึงไม่เกิดความเสียหาย

 

อดีตรองนายกฯ ยังตอบข้อซักค้านของอัยการที่ถามถึงบทสัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในนิตยสารฟอร์บส์ว่าเป็นผู้คิดโครงการรับจำนำข้าวว่า โครงการนี้เริ่มจากการพูดคุยของทีมเศรษฐกิจที่มีพยาน นายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และคณะเมื่อปี 2553 ขณะที่กรอบระยะเวลาการระบายข้าว เมื่อมีการดำเนินโครงการไปแล้วก็มีการพูดถึงแนวทางการระบายข้าว โดยมีอนุกรรมการระบายข้าวเป็นผู้ดูแล แต่ไม่ได้ระบุเวลาระบายข้าวที่ชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับกลไกทางตลาด ซึ่งจะทำให้การระบายข้าวมีความเหลื่อมล้ำกันระหว่างฤดูกาล โดยช่วงดำเนินโครงการรัฐบาลได้ระบายข้าวไปจำนวนมาก แต่หากไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลสามารถระบายข้าวได้หมด

 

ส่วนการดำเนินโครงการนั้น จำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้กำชับตั้งแต่แรกให้ดำเนินการทุกอย่างโปร่งใส สุจริต โดยคณะกรรมการ กขช.จะมีรองประธาน 3 คน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธาน กขช.เมื่อติดภารกิจ และเมื่อมีข้อหารือฝ่ายเลขาฯ จะนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อหารือร่วมกันก่อนตัดสินใจ

 

ภายหลังนายกิตติรัตน์เบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจึงนัดไต่สวนพยานปากต่อไปในวันที่ 17 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น.

 

เรียบเรียงโดย ชนุตรา สำนักข่าวทีนิวส์