สะพัด !?!? เทกโอเวอร์  "พรรคชาติไทยพัฒนา" แล้ว

ต้องยอมรับว่า ภายใต้ระบบเลือกตั้งส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสม ตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 ที่กำหนดให้มี ส.ส. ทั้งหมด 500 คน แบ่งเป็นเขตเดียวเบอร์เดียว 350 คน และ

ต้องยอมรับว่า ภายใต้ระบบเลือกตั้งส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสม ตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 ที่กำหนดให้มี ส.ส. ทั้งหมด 500 คน แบ่งเป็นเขตเดียวเบอร์เดียว 350 คน และบัญชีรายชื่อ 150 คน  โดยจะนำคะแนนส.ส.เขตทั้งที่ชนะและแพ้การเลือกตั้งทั่วประเทศมาคำนวณเป็น % เพื่อหาจำนวนส.ส.ที่แต่ละพรรคควรจะได้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพรรคขนาดใหญ่อย่าง “พรรคเพื่อไทย” มหาศาล

 เพราะระบบดังกล่าวจะทำให้สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย จากเดิมที่ชนะการเลือกตั้งแบบไม่เห็นฝุ่น โกยที่นั่งส.ส.เป็นกอบเป็นกำเป็นเรื่องยาก เนื่องจากถูกลดสัดส่วนลงไปให้กับพรรคอื่นๆ 

 เหตุนี้ทำให้พรรคเพื่อไทย โดย “คนแดนไกล” พยายามแก้เกม เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยทำสำเร็จมาแล้วตอนรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 ที่แรกๆ คาดการณ์กันว่า จะบล็อกพรรคพลังประชาชนได้อยู่หมัด แต่ที่สุดก็หาช่องทางเข้าสู่อำนาจได้สำเร็จ จนหลายคนมองว่า เป็นพรรคที่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้เสมอไม่ว่ากติกาจะแบบไหน


 เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่หลายฝ่ายกำลังสนใจว่า จะปรับตัวอย่างไรก่อนจะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ท่ามกลางสูตรต่างๆ ที่ออกมาจากคนใกล้ชิด คนที่เดินทางไปพบที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการบอยคอตการเลือกตั้ง โดยไม่ส่งผู้สมัครลงส.ส. ต่อเนื่องมาถึงสูตรล่าสุดที่เรียกว่า “ยุทธศาสตร์แยกกันตี”

 ข้อจำกัดเรื่องเพดานส.ส. ทำให้พรรคเพื่อไทยมองไปถึงเรื่องการกระจายกำลังไปตามพรรคเล็กพรรคน้อยต่างๆ ที่มีการขึ้นทะเบียนกับคณะกรรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในรูปแบบการเทคโอเวอร์พรรค เพราะหากยัง “รวมกัน” อยู่ในจุดเดียว มีแต่รอวันตาย

พรรคเพื่อไทยกำลังแก้วิกฤติให้เป็นโอกาส โดยการให้สมาชิกพรรคลาออกจากพรรค เพื่อไปอยู่ตามพรรคต่างๆ โดยใช้ “ท่อน้ำเลี้ยง” จากคนๆ เดียวกัน

 พรรคหนึ่งที่มีข่าวลือหนาหูคือ “พรรคชาติไทยพัฒนา” ที่สูญเสียหัวเรือใหญ่อย่าง “บรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไป

 ต้องยอมรับว่า การสูญเสีย “บรรหาร” ส่งผลกระทบต่อสมาชิกภายในพรรคอย่างมหาศาล หลังคุมอำนาจตัดสินใจและทิศทางของพรรคมาโดยตลอดหลายสิบปี การจากไปจึงทำให้พรรคเคว้งพอสมควร แม้จะยังเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคอีกหลายคน ทว่าบารมีและเหลี่ยมคูยังห่างชั้นกันเกินไป
 เรื่องหัวหน้าพรรคถูกพูดถึงมากว่า ใครจะมาแทนที่ จนกระทั่งบัดนี้ผ่านมานานก็ยังไม่มีความชัดเจน มีเพียงการชูสโลแกนคนรุ่นใหม่ของ “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กับส.ส.ยังบลัดในพรรค


 ทิศทางของพรรคชาติไทยพัฒนาในยุคของ “บรรหาร” อาจจับทางไม่ยากนัก นั่นคือ ไม่สร้างศัตรู ต้องการเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล แต่มาในยุคนี้ ทิศทางของพรรคยังคลุมเครือ บางครั้งวิพากษ์วิจารณ์คสช. บางครั้งกึ่งชื่นชม ตัวหลักที่ออกมาพูดบ่อยๆ คือ “เฮียตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล คนสนิทของ “บรรหาร”

 ท่ามกลางกระแสข่าวลือในช่วงงานศพของ “บรรหาร” มีสายโทรศัพท์จากแดนไกลต่อสายถึง “หนูนา” กัญจนา ศิลปอาญา ลูกสาวคนโต บทหนึ่งของการสนทนานอกเหนือจากการแสดงความเสียใจคือ การอาสาออกค่าใช้จ่ายภายในพรรคให้ หลังทราบว่า การสูญเสียครั้งนี้ทำให้พรรคประสบปัญหาค่าใช้จ่ายอย่างหนัก


 มีเสียงซุบซิบว่า ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการตกลงเรียบร้อยแล้ว!

 และหลังจากนี้ให้จับตาดูสมาชิกของพรรคเพื่อไทยบางคนที่จะลาออกมาเข้าสังกัด “พรรคบรรหารบุรี” เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง โดยการเพิ่มจำนวนส.ส.ให้กับพรรค ก่อนจะไปแพ็กกันที่สภา   

 พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล อาจดูออกง่ายกว่าว่าจะเล่นการเมืองหน้าไหนหลังจากนี้ แต่สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนาวันนี้ หลังมี “ท่อน้ำเลี้ยงใหม่” อาจไม่ได้เดินตามแนวทางที่ “บรรหาร” วางไว้อีกแล้ว ต้องรอชม.