- 24 มิ.ย. 2560
ไปดูกัน !?!? ข้อมูล ทรัพย์สิน "ยิ่งลักษณ์" ตอบให้หายสงสัย ว่ามันอยู่ตรงไหนบ้าง (มีคลิป)
น้ำตาท่วมจอโทรทัศน์ทุกช่อง เต็มหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ฉลองวันครอบครอบวันคล้ายวันเกิด 50 ปีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา
ประเด็นความอัดอั้นตันใจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ทำให้ถึงขั้นหลั่งน้ำตาออกมาในครั้งนี้ น่ามาจากคดีโครงการจำนำข้าวที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ที่กำลังขั้นตอนการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
ซึงจะสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายและคาดว่าจะมีการตัดสินคดีในเดือนกันยายนหรือตุลาคม 2560
ในข้อเท็จจริงแล้วยังมีอีก1เรื่อง ที่จะสร้างความหนักใจให้กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ไม่น้อย นั่นก็คือ เรื่องการออกคำสั่งทางปกครอง เรียกค่าเสียหายจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมี“คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด” ที่มีนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นประธานฯ สรุปความเสียหายโครงการจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วงเงิน 286,640 ล้านบาท
และแม้ต่อมา“คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง” ของกระทรวงการคลัง ที่มีนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธานฯ และต่อมาได้เปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการฯให้เรียกค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเงินทั้งสิ้น 35,717 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของมูลค่าความเสียหาย 178,586 ล้านบาท
โดยให้เหตุผลว่า ความเสียหายจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเฉพาะสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มี 4 ฤดูการผลิต เมื่อคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วได้แบ่งความเสียหายจากการดำเนินโครงการดังกล่าวออกเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงที่ 1 โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2554/55 และนาปรัง ปี 2555 มีความเสียหาย 115,342 ล้านบาท ในช่วงปีการผลิตดังกล่าวนี้ ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำข้อเสนอแนะ ประเด็นปัญหา และความเสี่ยงต่างๆ ถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้หามาตรการป้องกัน และหลังจากที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับหนังสือทักท้วงจากหน่วยงานตรวจสอบทั้ง 2 แห่งแล้ว ได้ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุง เมื่อคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งพิจารณาจากพยานหลักฐานแล้ว ยังถือไม่ได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ประมาทเลินเล่อ หรือปล่อยปะละเลย ทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งในจุดนี้ทำให้คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งมีความเห็นแตกต่างจากคณะกรรมการความรับผิดทางละเมิด
ช่วงที่ 2 โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556 และปี 2556/2557 มีความเสียหายเกิดขึ้น 178,586 ล้านบาท โดยคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งตรวจพบว่า กระทรวงการคลังได้ทำหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี ขอให้ระงับ ยับยั้ง โดยคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว
สรุปผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการดังกล่าวกว่า 2 แสนล้านบาท และมีหนี้สินคงค้างกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนว่าโครงการรับจำนำข้าวเสียหาย และเมื่อหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบทำหนังสือทักท้วงแล้ว ก็ไม่ระงับ ยับยั้ง ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบความเสียหายในส่วนนี้
จากข้อมูลทั้งหมดก็เห็นได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้เงินเป็นจำนวนหลายหมื่นล้านบาท โดยตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ขอทุเลาการบังคับใช้คำสั่งของกระทรวงการคลัง ซางประเด็นที่มาชี้แจงต่อศาลเป็นเรื่องความเดือดร้อนของตน กล่าวคือ ระหว่างคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา และยังไม่ถึงที่สุด หากถูกยึดอายัดทรัพย์สินไป อาจจะทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ากรมบังคับคดีในฐานะผู้ถูกร้อง ยังไม่ได้ใช้มาตรการบังคับทางปกครองกับทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เนื่องจากกระทรวงการคลังยังมิได้ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขการทุเลาการบังคับคดีตามระเบียบของศาล
อย่างไรก็ตามสำหรับประเด็นดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ได้ออกคำสั่งที่ 56/2559 โดยให้อำนาจกรมบังคับคดีในการบังคับทางปกครอง ด้วยการยึดทรัพย์ของผู้ต้องรับผิดในโครงการรับจำนำข้าว และยังคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย
เนื่องจากปกติแล้วกรมบังคับคดีจะมีอำนาจยึดทรัพย์ ตามคำสั่งศาลเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้กรมบังคับคดีเข้าไปยึดทรัพย์ทางคำสั่งปกครองได้ก็ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. จึงต้องออกเป็นคำสั่งคสช.ให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งชะตากรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องเผชิญ ในส่วนของดานดวงชะตาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเมื่อวานเราก็ได้นำเสนอไปแล้วนั้น โดยคุณฟองสนาน จามรจันทร์ นักโหราศาสตร์ชื่อดัง ได้เคยทำนายดวงชะตาน.ส.ยิ่งลักษณ์ไว้ว่า ด้านคดีอาญาอาจจะมีสิทธิ์รอดพ้นจากการติดคุก แต่เรื่องของการยึดทรัพย์ เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงอยู่ไม่ใช่น้อย
แม้โหรฟองสนามจะบอกว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะมีโอกาสเสียเงินแต่ถ้าดูจากคำให้สัมภาษณ์ของนายวิษณุ เครืองานเมื่อวานนี้แล้ว ประชาชนคนไทยก็คงต้องสับสน เพราะนายวิษณุบอกว่า ไม่รุ้จะไปยึดทรัพย์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ไหน
แต่ล่าสุดเมือวันที่ 22 มิถุนายน นายวิษณุกลับกล่าวว่า ขณะนี้คดีอาญาอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนคดีแพ่งอยู่ในศาลปกครอง ซึ่งจำเลยต้องร้องขอคัดค้านการยึดทรัพย์ไปยังศาลปกครองอยู่แล้ว เพื่อให้ศาลปกครองพิจารณาเพิกถอนคำสั่ง
เมื่อถามว่า “ขณะนี้กรมบังคับคดียังทำอะไรไม่ได้ จนกว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งออกมาใช่หรือไม่?” นายวิษณุ กล่าวว่า ทำได้ แต่ไม่ทราบจะไปทำอะไร ที่ไหน ซึ่งที่หยุดไว้ เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ที่ไหน เหมือนกับคดีอื่นที่ศาลตัดสินว่า คนนั้นแพ้คดี แล้วให้ไปยึดทรัพย์เพื่อมาชำระหนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็หาทรัพย์ แต่เมื่อหาทรัพย์ไม่เจอก็หยุดไว้ก่อน
มันน่าแปลกใจจริงๆสำหรับผู้ที่รู้ทกเครื่องอย่างนายวิษณุ เครืองาม กลับไม่รู้ว่าทรัพย์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ไหน เอาอย่างนี้สำนักข่าวทีนิวส์จะบอกให้ โดยไปดูจากบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งกับปปช.เอาไว้ก่อนหน้านี้
บัญชีทรัพย์สินที่เคยแจ้งไว้กับปปช.ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2558 โดยพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แจ้งยอดบัญชีว่ามีทรัพย์สินรวม 612,379,232 บาท ขณะเดียวกันมีการแจ้งทรัพย์สินของคู่สมรส (ไม่ได้จดทะเบียน) มูลค่ารวม 76,633,895 บาท และในส่วนของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จำนวน 1,535,795 บาท
สำหรับในส่วนของบัญชีหนี้สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้การแจ้งยอดบัญชีไว้เป็นจำนวน 33,070,803 บาท ขณะที่คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่มีการแจ้งยอดหนี้สิน เท่ากับการแจ้งยอดบัญชีของน.ส.ยิ่งลักษณ์มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 579,308,429 บาท
ที่น่าสนใจคือเฉพาะในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์มีการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน แยกเป็นที่ดินในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ , เชียงราย , สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร มูลค่ารวมสูงถึง 117,186,350 บาท นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินในส่วนของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งตึกแถว , บ้านพักอาศัย , ห้องชุด จำนวน 36 รายการ มูลค่ารวม 162,368,182 บาท
นอกจากนี้มีทรัพย์สินเป็นยานพาหนะ รวม 9 คัน มูลค่า 21,990,000 บาท และมีทรัพย์สินอื่น ๆ อาทิ อัญมณี , นาฬิกาข้อมือ , กระเป๋าถือ รวมมูลค่า 45,690,000 บาท
สำคัญที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ระบุไว้ในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สิน ว่ามีการกู้เงินจากนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2558 เป็นจำนวนเงิน 33,070,803 บาท ไว้ด้วย
น่าเห็นใจน.ส.ยิ่งลักษณ์เสียจริงๆ ที่เป็นเหยื่อของพี่ชายที่ลากเธอลงมาเผชิญเคราะใหญ่ในครั้งนี้
และสำหรับพฤติกรรมการร้องไห้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดูเหมือนว่าสามารถพบเห็นได้จนเป็นภาพชินตาไปเสียแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เมื่อปี56 น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แถลงร่ำไห้ออกสื่อ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู ว่า น้ำตาของยิ่งลักษณ์นั่นหาความจริงใจได้มากน้อยเพียงใด เราจะได้ย้อนชมคลิปกันก่อนเลยครับ
เมื่อ 9 ธ.ค.56 หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ออกแถลงทีสโมสร ทบ. โดยบางช่วงบาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับที่ถูกผู้ชุมนุมขับไล่ทั้งตระกูล โดยกล่าวว่า ทุกคนมีความรู้สึก ตนก็มีความรู้สึก วอนอย่าด่าว่าทั้งตระกูลและขอความเป็นธรรม เป็นคนไทยเหมือนกันจะไม่ให้เหยียบแผ่นดินไทยเลยหรือ ระบุตนถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว จากนั้น น.ส.ยิงลักษณ์ ได้กล่าวขอบคุณก่อนจะเดินเข้าด้านในทันที
ซึ่งหลังจากนั้นมีชาวเน็ตได้โพสต์คลิปหลังช่วงเวลาระหว่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินเข้าด้านใน คลิปดังกล่าวมีชื่อว่า "ดูชัดๆวินาทีหลังจากที่ปูร้องไห้ผ่านสื่อแล้วเกิดอะไรขึ้น" ถูกโพสต์โดยบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า Gun rose พร้อมกับระบุว่า นี่ไม่ใช่การจับผิด "เเต่เป็นการเสนอข้อเท็จจริง ให้ครอบคลุมรอบด้าน" ไม่ใช่เเค่เสนอว่าปูร้องไห้ เเล้วไม่นำเสนอสิ่งที่เกิดหลังจากนั้น"ว่า มันเกิดอะไรขึ้น" ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล
ซึ่งคลิปดังกล่าวมีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเป็นจำนวนมาก มีผู้เข้าชมกว่า 7 แสนคนแล้ว






