ไปดูกัน !?!?  ข้อมูล ทรัพย์สิน "ยิ่งลักษณ์" ตอบให้หายสงสัย ว่ามันอยู่ตรงไหนบ้าง (มีคลิป)

ไปดูกัน !?!? ข้อมูล ทรัพย์สิน "ยิ่งลักษณ์" ตอบให้หายสงสัย ว่ามันอยู่ตรงไหนบ้าง (มีคลิป)

น้ำตาท่วมจอโทรทัศน์ทุกช่อง เต็มหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ฉลองวันครอบครอบวันคล้ายวันเกิด 50 ปีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา

ประเด็นความอัดอั้นตันใจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ทำให้ถึงขั้นหลั่งน้ำตาออกมาในครั้งนี้ น่ามาจากคดีโครงการจำนำข้าวที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ที่กำลังขั้นตอนการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง

ซึงจะสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายและคาดว่าจะมีการตัดสินคดีในเดือนกันยายนหรือตุลาคม 2560
ในข้อเท็จจริงแล้วยังมีอีก1เรื่อง ที่จะสร้างความหนักใจให้กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ไม่น้อย นั่นก็คือ เรื่องการออกคำสั่งทางปกครอง เรียกค่าเสียหายจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมี“คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด” ที่มีนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นประธานฯ สรุปความเสียหายโครงการจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วงเงิน 286,640 ล้านบาท
 
และแม้ต่อมา“คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง” ของกระทรวงการคลัง ที่มีนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธานฯ  และต่อมาได้เปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการฯให้เรียกค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเงินทั้งสิ้น 35,717 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของมูลค่าความเสียหาย 178,586 ล้านบาท

โดยให้เหตุผลว่า ความเสียหายจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเฉพาะสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มี 4 ฤดูการผลิต เมื่อคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วได้แบ่งความเสียหายจากการดำเนินโครงการดังกล่าวออกเป็น 2 ช่วง คือ 

ช่วงที่ 1 โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2554/55 และนาปรัง ปี 2555 มีความเสียหาย 115,342 ล้านบาท ในช่วงปีการผลิตดังกล่าวนี้ ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำข้อเสนอแนะ ประเด็นปัญหา และความเสี่ยงต่างๆ ถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้หามาตรการป้องกัน และหลังจากที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับหนังสือทักท้วงจากหน่วยงานตรวจสอบทั้ง 2 แห่งแล้ว ได้ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุง เมื่อคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งพิจารณาจากพยานหลักฐานแล้ว ยังถือไม่ได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ประมาทเลินเล่อ หรือปล่อยปะละเลย ทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งในจุดนี้ทำให้คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งมีความเห็นแตกต่างจากคณะกรรมการความรับผิดทางละเมิด
 

ช่วงที่ 2 โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556 และปี 2556/2557 มีความเสียหายเกิดขึ้น 178,586 ล้านบาท โดยคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งตรวจพบว่า กระทรวงการคลังได้ทำหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี ขอให้ระงับ ยับยั้ง โดยคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว 

สรุปผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการดังกล่าวกว่า 2 แสนล้านบาท และมีหนี้สินคงค้างกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนว่าโครงการรับจำนำข้าวเสียหาย และเมื่อหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบทำหนังสือทักท้วงแล้ว ก็ไม่ระงับ ยับยั้ง ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบความเสียหายในส่วนนี้
จากข้อมูลทั้งหมดก็เห็นได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้เงินเป็นจำนวนหลายหมื่นล้านบาท โดยตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ขอทุเลาการบังคับใช้คำสั่งของกระทรวงการคลัง  ซางประเด็นที่มาชี้แจงต่อศาลเป็นเรื่องความเดือดร้อนของตน กล่าวคือ ระหว่างคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา และยังไม่ถึงที่สุด หากถูกยึดอายัดทรัพย์สินไป อาจจะทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ากรมบังคับคดีในฐานะผู้ถูกร้อง ยังไม่ได้ใช้มาตรการบังคับทางปกครองกับทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เนื่องจากกระทรวงการคลังยังมิได้ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขการทุเลาการบังคับคดีตามระเบียบของศาล
อย่างไรก็ตามสำหรับประเด็นดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ได้ออกคำสั่งที่ 56/2559 โดยให้อำนาจกรมบังคับคดีในการบังคับทางปกครอง ด้วยการยึดทรัพย์ของผู้ต้องรับผิดในโครงการรับจำนำข้าว และยังคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย 

เนื่องจากปกติแล้วกรมบังคับคดีจะมีอำนาจยึดทรัพย์ ตามคำสั่งศาลเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้กรมบังคับคดีเข้าไปยึดทรัพย์ทางคำสั่งปกครองได้ก็ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. จึงต้องออกเป็นคำสั่งคสช.ให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งชะตากรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องเผชิญ ในส่วนของดานดวงชะตาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเมื่อวานเราก็ได้นำเสนอไปแล้วนั้น โดยคุณฟองสนาน จามรจันทร์ นักโหราศาสตร์ชื่อดัง ได้เคยทำนายดวงชะตาน.ส.ยิ่งลักษณ์ไว้ว่า ด้านคดีอาญาอาจจะมีสิทธิ์รอดพ้นจากการติดคุก แต่เรื่องของการยึดทรัพย์ เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงอยู่ไม่ใช่น้อย 

แม้โหรฟองสนามจะบอกว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะมีโอกาสเสียเงินแต่ถ้าดูจากคำให้สัมภาษณ์ของนายวิษณุ เครืองานเมื่อวานนี้แล้ว ประชาชนคนไทยก็คงต้องสับสน เพราะนายวิษณุบอกว่า ไม่รุ้จะไปยึดทรัพย์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ไหน

แต่ล่าสุดเมือวันที่ 22 มิถุนายน  นายวิษณุกลับกล่าวว่า ขณะนี้คดีอาญาอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนคดีแพ่งอยู่ในศาลปกครอง ซึ่งจำเลยต้องร้องขอคัดค้านการยึดทรัพย์ไปยังศาลปกครองอยู่แล้ว เพื่อให้ศาลปกครองพิจารณาเพิกถอนคำสั่ง 

เมื่อถามว่า “ขณะนี้กรมบังคับคดียังทำอะไรไม่ได้ จนกว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งออกมาใช่หรือไม่?” นายวิษณุ กล่าวว่า ทำได้ แต่ไม่ทราบจะไปทำอะไร ที่ไหน ซึ่งที่หยุดไว้ เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ที่ไหน เหมือนกับคดีอื่นที่ศาลตัดสินว่า คนนั้นแพ้คดี แล้วให้ไปยึดทรัพย์เพื่อมาชำระหนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็หาทรัพย์ แต่เมื่อหาทรัพย์ไม่เจอก็หยุดไว้ก่อน
มันน่าแปลกใจจริงๆสำหรับผู้ที่รู้ทกเครื่องอย่างนายวิษณุ เครืองาม กลับไม่รู้ว่าทรัพย์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ไหน เอาอย่างนี้สำนักข่าวทีนิวส์จะบอกให้ โดยไปดูจากบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งกับปปช.เอาไว้ก่อนหน้านี้
บัญชีทรัพย์สินที่เคยแจ้งไว้กับปปช.ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 6  พ.ค. 2558  โดยพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์   ในฐานะนายกรัฐมนตรี  และ  รมว.กลาโหม   ได้แจ้งยอดบัญชีว่ามีทรัพย์สินรวม  612,379,232  บาท   ขณะเดียวกันมีการแจ้งทรัพย์สินของคู่สมรส (ไม่ได้จดทะเบียน)   มูลค่ารวม  76,633,895  บาท    และในส่วนของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ  จำนวน  1,535,795  บาท

 

    สำหรับในส่วนของบัญชีหนี้สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้การแจ้งยอดบัญชีไว้เป็นจำนวน  33,070,803  บาท  ขณะที่คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ  ไม่มีการแจ้งยอดหนี้สิน   เท่ากับการแจ้งยอดบัญชีของน.ส.ยิ่งลักษณ์มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 579,308,429   บาท
ที่น่าสนใจคือเฉพาะในส่วนของ  น.ส.ยิ่งลักษณ์มีการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน  แยกเป็นที่ดินในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ,  เชียงราย , สมุทรปราการ  และกรุงเทพมหานคร  มูลค่ารวมสูงถึง 117,186,350  บาท    นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินในส่วนของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งตึกแถว  ,  บ้านพักอาศัย , ห้องชุด  จำนวน 36 รายการ  มูลค่ารวม 162,368,182   บาท  
 

  นอกจากนี้มีทรัพย์สินเป็นยานพาหนะ  รวม 9 คัน มูลค่า 21,990,000   บาท   และมีทรัพย์สินอื่น ๆ  อาทิ  อัญมณี  ,  นาฬิกาข้อมือ  ,  กระเป๋าถือ   รวมมูลค่า  45,690,000  บาท

 

    สำคัญที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์  ได้ระบุไว้ในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สิน  ว่ามีการกู้เงินจากนายทักษิณ  ชินวัตร   เมื่อวันที่ 6     พ.ค. 2558   เป็นจำนวนเงิน  33,070,803  บาท ไว้ด้วย
น่าเห็นใจน.ส.ยิ่งลักษณ์เสียจริงๆ ที่เป็นเหยื่อของพี่ชายที่ลากเธอลงมาเผชิญเคราะใหญ่ในครั้งนี้
และสำหรับพฤติกรรมการร้องไห้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดูเหมือนว่าสามารถพบเห็นได้จนเป็นภาพชินตาไปเสียแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เมื่อปี56 น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แถลงร่ำไห้ออกสื่อ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู ว่า น้ำตาของยิ่งลักษณ์นั่นหาความจริงใจได้มากน้อยเพียงใด เราจะได้ย้อนชมคลิปกันก่อนเลยครับ


เมื่อ 9 ธ.ค.56 หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์  รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ออกแถลงทีสโมสร ทบ. โดยบางช่วงบาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับที่ถูกผู้ชุมนุมขับไล่ทั้งตระกูล โดยกล่าวว่า ทุกคนมีความรู้สึก ตนก็มีความรู้สึก วอนอย่าด่าว่าทั้งตระกูลและขอความเป็นธรรม เป็นคนไทยเหมือนกันจะไม่ให้เหยียบแผ่นดินไทยเลยหรือ ระบุตนถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว จากนั้น น.ส.ยิงลักษณ์ ได้กล่าวขอบคุณก่อนจะเดินเข้าด้านในทันที   

ซึ่งหลังจากนั้นมีชาวเน็ตได้โพสต์คลิปหลังช่วงเวลาระหว่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินเข้าด้านใน คลิปดังกล่าวมีชื่อว่า "ดูชัดๆวินาทีหลังจากที่ปูร้องไห้ผ่านสื่อแล้วเกิดอะไรขึ้น" ถูกโพสต์โดยบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า Gun rose พร้อมกับระบุว่า นี่ไม่ใช่การจับผิด "เเต่เป็นการเสนอข้อเท็จจริง ให้ครอบคลุมรอบด้าน" ไม่ใช่เเค่เสนอว่าปูร้องไห้ เเล้วไม่นำเสนอสิ่งที่เกิดหลังจากนั้น"ว่า มันเกิดอะไรขึ้น" ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล 

ซึ่งคลิปดังกล่าวมีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเป็นจำนวนมาก มีผู้เข้าชมกว่า 7 แสนคนแล้ว