ไม่ผิดหนีทำไม?? ย้อนคำพูด “ยิ่งลักษณ์” ขณะอ่านเอกสารแถลงปิดคดีด้วยวาจา พร้อมทิ้งวลีเด็ด.. ก่อนขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง!?!

จากกรณี คดีจำนำข้าวเป็นคดีใหญ่ทางการเมืองที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมากเพราะเป็นคดีเรื่องนโยบายสำคัญของรัฐบาล ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วันนี้ ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เตรียมอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตการระบายข้าวแบบจีทูจี หรือ รัฐต่อรัฐ ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวกรวม 28 คน ก่อนจะอ่านคำพิพากษาในคดีละเลยการปฏิบัติหน้าที่ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ขณะเดียวกัน มีการฟ้องแพ่งเพื่อให้อดีตนายกรัฐมนตรีชดเชยค่าเสียหายจากโครงการเป็นเงินนับหมื่นล้านบาทด้วย 

สืบทราบจาก มีผู้ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้มีการตรวจสอบทุจริตในโครงการ อ้างว่ามีความไม่โปร่งใสหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการระบายข้าวรัฐต่อรัฐ ( จีทูจี ) กับประเทศจีน โดย ป.ป.ช.รับลูกตั้งกรรมการสอบ และมีประเด็นที่สำคัญคือ การรับจำนำข้าวเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด ทำให้เกิดความตลาดเสียหาย และพบความไม่โปร่งใสในการระบายข้าวจีทูจี และได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ในขณะนั้น พร้อมทั้งให้มีการไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในประเด็นว่า ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตหรือไม่

ภายหลังการไต่สวน มีการแจ้งข้อหา ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า “กระบวนการของ ป.ป.ช.เป็นไปอย่างไม่เป็นธรรม เพราะใช้เวลาอันสั้นในการดำเนินการ ปฏิเสธการขอเลื่อนคดีของจำเลย และตัดพยานของจำเลย” แต่ต่อมา ป.ป.ช.ก็มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้มีความผิดทางอาญาในข้อหาปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายในการจำนำข้าว และให้ถอดถอนจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2557

เมื่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) เข้ายึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งเดินหน้าปมทุจริต หนึ่งในนั้นคือ “โครงการจำนำข้าว” โดยนอกจากคดีอาญา ก็มีการตรวจสอบและยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องแล้ว ยังใช้คำสั่งตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว เรียกค่าเสียหาย แม้จะมีการอายัดบัญชีไปบางส่วน แต่ ณ ปัจจุบัน กระบวนการเรียกค่าเสียหายในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังชะงักอยู่ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ยื่นต่อศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งเรียกค่าเสียหาย และต้องรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลปกครอง

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนพยานโจทก์นัดแรก เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2558 โดยรวมทั้งหมด มีพยานโจทก์ 15 ปาก และในวันที่ 5 ส.ค.2559 ศาลฯ ไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยนัดแรก โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันตลอดว่า โครงการจำนำข้าวเป็นโครงการยกเลิกไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา เป็นโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือชาวนา และไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต ขณะที่พยานฝ่ายโจทก์ยืนยันตัวเลขความเสียหายนับแสนล้านบาท และมีความไม่โปร่งใสในโครงการนี้

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ส.ค.60 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อ่านเอกสารแถลงปิดคดีด้วยตัวเอง พร้อมวลีเด็ด “ดิฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” และขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ในส่วนของโจทก์ อัยการโจทก์ก็ได้ยื่นเอกสารคำแถลงปิดคดีไปเมื่อวันที่ 15 ส.ค.60 และก็มาถึงวันชี้ชะตา 25 ส.ค. 60 โดยจะมีการอ่านคำพิพากษาในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นจำเลย และอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี ที่มีนายบุญทรงและคณะ เป็นจำเลย

ล่าสุด วันนี้ (25 ส.ค.) นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังจากรับทราบว่านางสาว ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลออกหมายจับเนื่องจากไม่เดินทางมาศาลเพื่อรับฟังคำพิพากษาวันนี้ว่า ตัวเองก็เพิ่งได้รับทราบว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันเมื่อเวลาประมาณ 8.00 น. ของเช้าวันนี้ โดยเป็นการติดต่อผ่านตัวแทนของนางสาว ยิ่งลักษณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่ทราบมาก่อนว่า นางสาว ยิ่งลักษณ์ มีอาการป่วยเพราะช่วง 2-3 วัน ที่ผ่านมา จะติดต่อนางสาว ยิ่งลักษณ์ ผ่านทางตัวแทนเท่านั้น

ทั้งนี้ สาเหตุที่ไม่ได้มีการนำใบรับรองแพทย์มายืนยันต่อศาลนั้น เนื่องจากเป็นเหตุฉุกเฉินและเพิ่งได้รับทราบ

อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถยืนยันได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์อยู่ที่ไหน ในประเทศหรือต่างประเทศ ส่วนการที่ศาลออกหมายจับแล้วหากนางสาว ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาพบศาลก่อนวันที่ 27 กันยายน นี้ ซึ่งเป็นวันที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวจะทำให้ศาลเพิกถอนหมายจับหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลต่อไป