เด้งเข้ากรุ !!! ด่วน ย้าย"พ.ต.ท.พงศ์พร"  ผอ.สำนักพุทธ ...เพื่อประโยชน์ต่อทางราชการ

เด้งเข้ากรุ !!! ด่วน ย้าย"พ.ต.ท.พงศ์พร" ผอ.สำนักพุทธ ...เพื่อประโยชน์ต่อทางราชการ

ผู้สื่อข่าวรายงานสำนักงานรองนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งโยกย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ จากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีแทน เพื่อผลประโยชน์ต่อทางราชการ

เด้งเข้ากรุ !!! ด่วน ย้าย"พ.ต.ท.พงศ์พร"  ผอ.สำนักพุทธ ...เพื่อประโยชน์ต่อทางราชการ
 

จากเอกสารบันทึกข้อความ สำนักงานรองนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอรับโอนราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

มีใจความคร่าวๆระบุว่า ด้วยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ได้เสนอขอรับโอนพันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์ทางราชการและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้พิจารณาแล้วว่าเห็นชอบด้วยตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ จึงเห็นสมควรให้นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้มีการเซ็นอนุมัติแล้วจากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

เด้งเข้ากรุ !!! ด่วน ย้าย"พ.ต.ท.พงศ์พร"  ผอ.สำนักพุทธ ...เพื่อประโยชน์ต่อทางราชการ

สำหรับประวัติโดยย่อของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์  รับราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2546   ในตำแหน่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ  ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการปฏิบัติการพิเศษ เนื่องจากมีความรู้ความสามารถ ปฏิบัติงานด้านการสืบสวนสะกดรอยและการปฏิบัติการพิเศษ  จนได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนสะกดรอย

ผลงานสำคัญๆ ถูกมอบหมายให้เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสะกดรอยหาเบาะแสของคนร้าย หลังหัวระเบิดอาร์พีจีสูญหาย จากคลังแสงของกองทัพบก จนมีความกังวลว่า อาวุธสงคราม ที่หายไป อาจถูกนำมาใช้ก่อเหตุความไม่สงบในประเทศ 

นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำกำลังเข้าจับกุมจับ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการบริหารนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ และแกนนำกลุ่มแดงสยามในคดีหมิ่นสถาบัน ขณะหลบหนีไปอยู่ที่ อ.อรัญประเทศ จ. สระแก้ว

สำหรับบทบาทในฐานะผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ  ได้ทำคดีสำคัญๆ ที่เกี่ยวเนื่องการติดตามคดีรถยนต์หรูเลี่ยงภาษี และ รถยนต์โบราณ  2 คันที่เป็นข่าวโด่งดังและพ.ต.ท.พงศ์พร ร่วมรับผิดชอบก็คือ คดีรถยนต์ของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม  โดยตามแนวทางการสอบสวนเชื่อว่ามีการปลอมลายมือชื่อผู้อื่น พร้อมมาสำแดงการนำเข้าโครงรถยนต์เป็นยี่ห้อแพนเธอร์ ส่วนเครื่องยนต์เป็นยี่ห้อจากัวร์ หมายเลขตัวรถ 731 หมายเลขเครื่องยนต์ 8L 66240-L

และคันที่สองเป็นรถยนต์เบนซ์โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ตั้งแต่กระบวนการนำเข้า การเสียภาษี และพบว่ามีการใช้เอกสารเท็จในการจดทะเบียน

ส่วนความเกี่ยวข้องในคดีของพระธัมมชโย  พ.ต.ท.พงศ์พร  เคยได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในชุดเจรจาร่วมกับ นายสมเกียรติ ธงศรี ผู้อำนวยสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เดินทางมาร่วมและพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในการประสานงานให้พระธัมมชโยเข้ามอบตัวสู้ข้อกล่าวหาแต่ไม่เป็นผล 

ทั้งนี้ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2560 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๒/๒๕๖๐ เรื่อง การกำหนดตำแหน่งและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง  

ข้อ ๑ ให้ นายพนม ศรศิลป์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ตรวจราชการ หรือปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

ข้อ ๒ ให้ พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ้นจากตำแหน่ง และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ข้อ ๓ ให้ข้าราชการผู้มีรายชื่อตามข้อ ๑ และข้อ ๒ พ้นจากตำแหน่งเดิมและไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งใหม่ตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ

 การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายหลังวันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีพิจารณา

ข้อ ๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าว และให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง หรือพ้นจากตำแหน่งตามคำสั่งนี้ ตามมาตรา ๒๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
      
ข้อ ๕ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ