‘คนนอก – คนใน’ แตะมือเขี่ย ‘พงศ์พร’ ก่อน ‘ความลับ’ ใครบางคนจะแตก

‘คนนอก – คนใน’ แตะมือเขี่ย ‘พงศ์พร’ ก่อน ‘ความลับ’ ใครบางคนจะแตก

ทำไม “รัฐบาล” ถึงเลือกที่จะเด้งพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาเป็นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำเรียกร้องของพระและฆราวาสบางสาย ทั้งที่ที่ผ่านมาตั้งแต่พ.ต.ท.พงศ์พร เข้ารับตำแหน่ง ได้รับการชื่นชมมากมาย ที่กล้ารื้อเรื่องความไม่ชอบมาพากลในวงการผ้าเหลือง

 แม้กระทั่งตอนนี้ยังมีเสียงคัดค้านการเปลี่ยนตัวพ.ต.ท.พงศ์พร มีการให้กำลังใจจากประชาชนจำนวนมากเพื่อให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (พศ.) นำอดีตผอ.พศ.รายนี้กลับมา

 

 

 เหตุผลเรื่องการปฏิบัติภารกิจเสร็จแล้วตามที่ “บิ๊กตู่” ระบุ ดูจะย้อนแย้งจะความเป็นจริง เพราะงานหลักของพ.ต.ท.พงศ์พร ในเรื่องการตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัดยังค้างเติ่งอยู่เลย เช่นเดียวกับเรื่องการปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้การจัดทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายของวัดมีคุณภาพขึ้น ไม่มีเรื่องใดเสร็จทั้งสิ้น!

 แต่การเลือกเปลี่ยนม้ากลางศึก ทั้งที่เพิ่งจะใช้งานได้ไม่ถึงปี ย่อมแสดงให้เห็นว่า มีเหตุผลอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรื่องปฏิบัติภารกิจเสร็จแล้ว หากแต่ก่อนหน้านี้พ.ต.ท.พงศ์พร คือ คนที่พระและฆราวาสบางสาย “ไม่แฮปปี้” ที่เข้ามาจุ้นจ้านกับการตรวจสอบการทุจริต  และหากพ.ต.ท.พงศ์พร ยังอยู่ในเก้าอี้ตัวนี้ “ขุมทรัพย์” ที่เคยหยิบจับกันอย่างสบาย ไร้กฎเกณฑ์ จะกระทำได้ยากขึ้น พระเถระชั้นผู้ใหญ่ วัดดังๆ จะถูกแฉถึงพฤติการณ์ไม่ชอบมาพากลออกมาเรื่อยๆ จนกระทบกระเทือนอำนาจและความน่าเชื่อถือของตัวเองที่มีอยู่ เลยต้องกดดันให้เขี่ยพ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากตำแหน่งให้เร็วที่สุด ผ่านการกดดันมายังรัฐบาลสารพัดรูปแบบ ทั้งการบอยคอยไม่รับเงินบริจาค ทั้งการโจมตีว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ปกป้องพระพุทธศาสนา

 ขณะที่รัฐบาลไม่อยากเปิดศึกรอบด้าน ลำพังศัตรูทางการเมืองก็เหนื่อยเต็มที การปิดช่องเพื่อเพิ่มปริมาณศัตรูจึงต้องทำ 
 แน่นอนการหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกับพระคือ เหตุผลหนึ่ง แต่ขบวนการเขี่ยพ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากเก้าอี้มีมากกว่าบรรดาพระและฆราวาสบางสาย และไม่น่าเชื่อว่า คนในรัฐบาลบางคนก็ไม่สบอารมณ์กับพ.ต.ท.พงศ์พร โดยเฉพาะการลุยตรวจสอบการทุจริตของพศ.และวัด เพราะกลัวว่า ถ้ายังปล่อยเอาไว้แบบนี้ “ภัยจะมาถึงตัวเอง” ในสักวัน จึงต้องชิงตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

 

 

 เพราะก่อนหน้านี้พ.ต.ท.พงศ์พร ได้สืบเสาะไปจนพบว่า มีคนในรัฐบาลได้ประโยชน์จากพศ. และวัดในหลายเรื่อง ซึ่งถ้าพ.ต.ท.พงศ์พร แฉเรื่องนี้ออกมา บุคคลนั้นๆ อาจ “พัง” ได้ และคนที่รู้เรื่องนี้ที่สุดไม่ใช่พ.ต.ท.พงศ์พร หากแต่เป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงของพศ.อักษรย่อ “พ.” ที่กุมความลับและบาดแผลของคนเหล่านั้นไว้ทั้งหมด 

 ซึ่งปัจจุบันบุคคลอักษรย่อ “พ.” ได้รับการคุ้มครองจากใครบางคนอย่างดี ประหนึ่งไข่ในหิน เพราะถ้าตกอยู่ในอันตราย หมายความว่า อาจซวยกันหลายรายทีเดียว เรื่องเขี่ยพ.ต.ท.พงศ์พร พ้นเก้าอี้ มันจึงเป็นการลงขันกันทั้ง “คนใน” และ “คนนอก” ส่วนเรื่องปฏิรูปวงการสงฆ์ หลังหมดพ.ต.ท.พงศ์พร คงต้องบอกว่า “มันจบแล้วครับนาย” !?!