ย้อนอดีต 20 ต.ค. 22 ปี ยูเนสโก ประกาศยกย่องพระพุทธทาสเป็น “บุคคลสำคัญของโลก” ร่วมระลึกถึงบุคคลผู้สร้างคุณค่ายิ่งแห่งพระพุทธศาสนา!!

ท่านพุทธทาสภิกขุ เกิดเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2449 ที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ชื่อเดิมว่า เงื่อม พานิช บิดาชื่อเซี้ยง มารดาชื่อ เคลื่อน มีน้อง 2 คน เริ่มบวชเป็นพระเมื่ออายุครบ 20 ปี ตามคตินิยมของชายไทย ที่วัดโพธาราม อ.ไชยา ได้รับฉายาว่า “ อินทปัญโญ “ แปลว่า ผู้มีปัญหาอันยิ่งใหญ่ เดิมตั้งใจจะบวชเรียนแค่ 3 เดือน แต่ความสนใจ ซาบซึ้งในพุทธศาสนา ไม่สึกเลย และยังเป็นผู้ก่อตั้งสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ขึ้นเมื่อปี 2475 ให้เป็นสถานปฏิบัติธรรม ซึ่งมีผู้มาปฏิบัติธรรมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และยังมีผลงานแปลและงานเขียนอีกมากมาย และมรณภาพเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2536 อย่างสงบที่สวนโมกขพลาราม รวมอายุได้ 87 ปี

 

สำหรับการเสนอชื่อท่านพุทธทาสภิกขุให้ยูเนสโกประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกนี้ เป็นการเสนอของมูลนิธิเสถียรโกเศศ-นาคะประทีป ซึ่งได้ประสานงานมายังนายจาตุรนต์ ประมาณปลายปี 2547 ช่วงที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี จึงได้ทำหนังสือถึงนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศธ.ใสสมัยนั้น ให้พิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งต้นปี 2548 นายอดิศัยได้เสนอเรื่องไปยังยูเนสโก ประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก ซึ่งแต่ละปียูเนสโกจะคัดเลือกบุคคลดีเด่นที่ประเทศสมาชิกเสนอชื่อเข้ามาจำนวนหนึ่ง แล้วคัดเลือกประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกในด้านต่างๆ
หลักเกณฑ์ในการพิจารณานั้น จะต้องเป็นบุคคลที่มีผลงานดีเด่นระดับภูมิภาค เป็นแบบอย่างอันดีที่แสดงออกชัดเจนในเรื่องของการส่งเสริมขันติธรรม สันติธรรม วัฒนธรรม ตลอดจนความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีของมวลมนุษย์ตามสาขาหลักของยูเนสโก คือ การศึกษา วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม สังคมศาสตร์หรือการสื่อสาร โดยทางยูเนสโกจะตั้งกรรมการพิจารณาขั้นต้น และพิจารณากลั่นกรองอีก 2 ครั้ง ก่อนเสนอให้ที่ประชุมสมัยสามัญของยูเนสโลกพิจารณารับรอง

ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผย ในที่ประชุมสมัยสามัญขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ซึ่งประชุมที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส มีมติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2548 ให้ประกาศยกย่องพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) เป็นบุคคลสำคัญของโลก และจัดเฉลิมฉลองตลอดปี 2549 ในวาระครบชาตกาล 100 ปี ของท่านพุทธทาสภิกขุ ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2549 ตามที่ประเทศไทยเสนอ พร้อมทั้งบันทึกการเฉลิมฉลองครั้งนี้ไว้เป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของยุเนสโก ประจำปี 2549 -2550 ด้วย

“การเฉลิมฉลองในที่นี้ ไม่ใช่การจัดมหรสพ แต่หมายถึงการจัดกิจกรรมทางวิชาการ เผยแพร่ข่าวสารข้อมูลการประชุมเสวนา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งในการเผยแผ่หลักธรรมของพุทธทาส ซึ่งก็คือหลักธรรมของพุทธศาสนาต่อประชาชนทั่วไปด้วย” นายจาตุรนต์ กล่าว และว่าพุทธทาสภิกขุ นับเป็นคนไทยลำดับที่ 18 ที่องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้วย

“เหตุผลที่ในปีนั้นประเทศไทยได้เสนอชื่อท่านพุทธทาสให้ยูเนสโกประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก เนื่องจากท่านพุทธทาสได้อุทิศตนแทบตลอดชีวิตเพื่อสั่งสอนธรรมะ เป็นธรรมะที่เหมาะกับสังคมปัจจุบัน เพราะใช้ภาษาง่าย เลิกยึดติดกับภาษาบาลี สันสกฤษ มีเจตนาให้สังคมไทยและสังคมโลกประยุกต์หลักธรรมไปใช้ ทั้งระดับสังคมและบุคคลเพื่อผดุงไว้ซึ่งสันติธรรม ยุติธรรม และให้มนุษย์อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างกลมกลืน

 

นอกจากนี้ นายสันติสุข เปิดเผยอีกว่า ท่านได้รับสมณศักดิ์สูงสุดเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่พระธรรมโกศาจารย์ เมื่อปี 2520 ส่วนในระดับนานาชาตินั้น ปัจจุบันทุกมหาวิทยาลัยที่มีแผนกสอนวิชาศาสนาสากลในหลายประเทศล้วนศึกษางานของท่าน มีหนังสือได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน จีน อินโดนีเซีย กว่า 20 เล่ม จากต้นฉบับภาษาไทยทั้งหมด 140 เล่ม