- 22 ต.ค. 2560
ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เพจความจริง และ www.tnews.co.th
จากกรณีที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2560 มีผู้ใช้เฟสบุ๊คท่านหนึ่งที่ใช้นามว่า Usanee Wansri ได้โพสต์เรื่องราวลงในกลุ่ม ศรีสะเกษ SisaketToday เป็นกลุ่มสาธารณะ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อของคุณ Usanee Wansri โดยเมื่อประมาณปี พ.ศ.2548 ได้มีผู้ชักชวนให้ไปสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีคณะนิติศาสาตร์บัณฑิต เป็นการศึกษาแบบภาคสมทบคือเรียน วันเสาร์-อาทิตย์ หลักสูตร 4 ปี และแนะนำให้ทำเรื่องขอกู้ยืมเงิน กรอ. โดยมีเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยนำเอกสารสัญญาการกู้เงินต่างๆ หลายฉบับมาให้เซ็นถึงบ้าน หลังจากนั้นตัวคุณพ่อเองบอกว่าได้ไปเรียนเพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น(ประมาณ 2-3 สัปดาห์) และได้หยุดเรียนไป(ไม่ได้มีการเขียนใบลาออก) หลังจากนั้นระยะเวลาผ่านไปประมาณ 10 ปีได้ เมื่อปี พ.ศ.2559 มีหนังสือจาก กรอ. แจ้งว่ามียอดหนี้กว่า***185,685*** บาท โดยที่คุณพ่อไม่ได้ไปเรียน สร้างความตกใจให้กับตนเองและคุณพ่อเป็นอย่างมาก และเกิดความสงสัยว่าทางคุณพ่อไม่ได้เรียนต่อแต่ว่ามียอดค่าเทอมเทอมถัดๆ ไป ได้อย่างไร เพราะถ้าคำนวณจากยอดเงินยอดเท่านี้น่าจะเป็นค่าเทอมตลอดหลักสูตร ซึ่งถ้าเป็นหนี้จริงก็น่าเป็นหนี้แค่เทอมเดียวที่ได้ไปเรียนในช่วงแรก
โพสต์ของทางเจ้าของเรื่อง
ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์กันอย่างมาก ถือเป็นประเด็นดังในโลกโซเชี่ยลเพราะในขณะเดียวกันก็ยังมีผู้เสียหายอีก 10 กว่าราย เข้าไปแสดงความเห็นในโพสต์ดังกล่าว และบอกว่าตนเองก็กำลังประสบกับเรื่องนี้เพราะได้ไปสมัครเข้าเรียนกับทางมหาวิทยาลัยนี้เหมือนกัน ทุกวันนี้ถูกทาง กรอ. แจ้งให้ชำระหนี้โดยเป็นเงินจำนวนเท่าๆ กันกับเจ้าของเรื่อง และยังมีความคิดเห็นในทำนองว่าเคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งมีผู้เสียหายหลายคน จนเป็นที่โจทย์ขานไปทั่วผู้คนรู้จักดี เพราะก็เคยมีการฟ้องร้องทางมหาวิทยาลัยนี้จนเป็นข่าวอยู่หลายครั้งในเรื่องการกู้ยืมเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาของนักศึกษา และที่สร้างความประหลาดใจคือทางคุณพ่อได้สอบถามข้อมูลไปยังเพื่อนที่เรียนจบและมียอดหนี้ กรอ. เท่ากัน ทราบข้อมูลว่าทุกครั้งที่รับเงินกู้ที่เป็นค่ายังชีพที่ทาง กรอ. ส่งให้ จะได้รับเป็นเงินสดโดยตรงจากอาจารย์ ไม่ได้รับโอนผ่านบัญชีธนาคาร เป็นสิ่งที่สร้างความสงสัยให้กับทุกคนที่ได้ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะการกู้ยืมเงินของกองทองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาของนักศึกษานั้น จะต้องทำธุระกรรมทางการเงินผ่านช่องทางบัญชีธนาคารเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วการทำสัญญากู้ยืมเองก็จะต้องมีการทำสัญญาใหม่กันทุกๆ เทอม เช่นกัน
ความคิดเห็น 1
ความคิดเห็น 2
ความคิดเห็น 3
ความคิดเห็น 4
ความคิดเห็น 5
ความคิดเห็น 6
ความคิดเห็น 7
ความคิดเห็น 8
ความคิดเห็น 9
ต่อมา ทีมความจริงได้โทรศัพท์ไปสัมภาษณ์เบื้องต้นและทางคุณพ่อได้เขียนจดหมายส่งมาหาทางเราได้ใจความวามว่า "นายเทือน วันศรี อยู่บ้านเลขที่ 137 บ้านม่วง ต.ทุ่งใหญ่ อ.กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ อายุ 60 ปี ได้มีความประสงค์อยากเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยมีการติดต่อผ่านคนรู้จักรหลายคนแนะนำว่าให้ไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัด ศรีสะเกษ โดยเรียนเพียงวันเสาร์-อาทิตย์ และได้ไปสมัครเรียนที่มหาลัยดังกล่าวในคณะวิชานิติศาสตร์บัณฑิต หลักสูตร 4 ปี และได้มีเจ้าหน้าที่ในมหาลัยมาติดต่อถึงเรื่องที่จะทำสัญญาขอกู้ยืม กองทุนเพื่อการศึกษา (กรอ.) โดยทางเจ้าหน้าที่นั้นได้นำเอาเอกสารการทำสัญญามาให้นายเทือนเซ็นต์ที่บ้านในระหว่างปี 2548 โดยมีเอกสารหลายแบบและเซ็นต์โดยไม่ได้อ่านเมื่อทำเอกสารเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ได้มอบเงินให้ 8,000 บาท(บอกว่าเป็นค่ายังชีพ) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเรียนและเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าเงินส่วนที่เหลือจะโอนเข้าบัญชีให้จนกว่าจะเรียนจบ และหลังจากรับเงินจำนวนดังกล่าวก็ไปเรียนที่มหาลัยดังกล่าวตามปกติเรียนหลักสูตรเสาร์-อาทิตย์ หลังจากนั้นได้ไปติดต่อสอบถามเรื่องเงินที่เหลือกับทางเจ้าหน้าที่และได้รับคำตอบว่ายังไม่มีเงินเข้าบัญชี จนนานเข้าก็ไม่มีเงินเดินทางไปศึกษาเนื่องจากต้องเดินทางไกลจากบ้านไปเรียนเป็นระยะทางกว่า 60 กิโลเมตร จึงได้หยุดเรียนโดยไม่ได้ลาออกซึ่งได้ไปเรียน**เพียง 2-3 อาทิตย์เท่านั้น** หลังจากนั้นได้มีหนังสือแจ้งหนี้ให้มาชำระเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2559 เป็นจำนวนเงิน กว่า ***185,685*** บาท"
จดหมายจากทางคุณพ่อ
***หมายศาล***
ในขณะนี้ก็ยังมีผู้เสียหายคนอื่นๆ เข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์นี้กันอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังนัดรวมตัวกันเพื่อที่จะไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจ และรวมตัวกันไปร้องทุกข์ยังศูนย์ดำรงค์ธรรมของจังหวัดให้สืบหาข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คุณUsanee Wansri