"ไฟตัดหมอก"สำคัญไฉน !! เปิดคลิปอันตรายจากหมอกลงจัด !?!

มีรายงานจากสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้อากาศที่ประเทศจีนกำลังเย็นลงเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดหมอกลงหนาในหลายพื้นที่ เช่นที่ทางด่วนบนภูเขาสูงหรือในหุบเขา ทั้งนี้ ปรากฏการณ์หมอกลงจัดส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ง่าย เนื่องจากหมอกจะบดบังทัศนวิสัยจนมองเห็นได้ไม่เกินระยะ 10 เมตรหรือต่ำกว่านั้น ดังที่เห็นในคลิปวิดีโอด้านล่างนี้ ว่าหากขับรถด้วยความเร็วสูงขณะหมอกลงจัดอาจทำให้เบรกไม่ทัน เพราะไม่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า

ทางการจีนจึงออกประกาศให้ประชาชนช่วยกันระมัดระวัง ลดความเร็ว ใช้สมาธิขับรถ และเปิดไฟตัดหมอกทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ

 

เพราะฉะนั้นวันนี้ทางทีมข่าวจึงได้นำข้อมูลดีๆเกี่ยวกับ "ไฟตัดหมอก"เพื่อเป็นประโยชน์กับท่านผู้ใช้รถใช้ถนนมาฝากทุกท่านกันค่ะ

รู้ลึกอีกครั้ง เรื่องของการใช้ไฟตัดหมอก... เราควรใช้งานมันอย่างไร จึงจะถูกต้อง ปลอดภัย และได้ประโยชน์ 

ด่ากันทั่วเมืองจนหลายคนเอือมระอา และยังไม่มีทางแก้กันอย่างชัดเจนกับไฟตัดหมอก อุปกรณ์ออพชั่นเสริมเพื่อการส่องสว่างยามค่ำคืนของตัวรถ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อนว่ามันต้องใช้อย่างไร แค่คิดเอาเหมาะว่า เขามีให้ก็น่าจะเปิดใช้ทั้งหมด ทั้งที่ควรจริงแล้วไฟหน้าก็เพียงพอต่อการส่องสว่างยามเดินทาง ยังมีคำถามว่า สรุป ไฟตัดหมอก...ควรจะใช้งานอย่างไร

หลายคนอาจจะใช้ไม่เป็น แต่ส่วนใหญ่จากที่เห็นได้ตามท้องถนน ต้องเรียนตามตรงว่า คนส่วนใหญ่ยังใช้ไฟตัดหมอกไม่ถูกอีกจำนวนเยอะมาก ด้วยความเข้าใจผิดบางประการ และอาจจะไม่มีความรู้เลย ทำให้ในวันนี้ถนนเมืองไทยวุ่นวาย ไปโดยปริยาย

ไฟตัดหมอก ...ในปัจจุบันอาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ของรถยนต์ ซึ่งผลิตติดชุดไฟดวงเล็กเสริมจากไฟหน้าเดิม โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้กับผู้ขับขี่ยามที่แสงสว่างอาจจะส่องสว่างได้ไม่เพียงพอตามความต้องการ

โดยไฟตัดหมอกเป็นการพัฒนาจากสปอร์ตไลท์ขนาดใหญ่ในอดีต แต่มีการปรับย่อขนาดให้มีความเล็กลง แม้ว่าขนาดเล็กของมันอาจจะดูไม่น่าจะช่วยในเรื่องการส่องสว่างอะไรมากมายนัก แต่ในตัวโคมไส้หลอดที่ใช้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นหลอดไส้แบบ H3 ซึ่งเป็นไส้แบบเดียวที่ใช้กับสปอร์ตไลท์ทั่วไป ซึ่งแม้จะมีกำลังไฟ (วัตต์) น้อยกว่า แต่ประสิทธิภาพความสว่างก็ไม่ได้แตกต่างกัน และเมื่อเปิดใช้งานก็จะเพิ่มทัศนวิสัยได้มากพอสมควรเลยทีเดียว

จุดนี้เองที่ทำให้ไฟตัดหมอกถูกด่าจากสังคม โดยเฉพาะจากการใช้งานอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใช้บางราย เนื่องจาก ลักษณะการกระจายแสงจะเป็นการเดินทางในเชิงกว้างตามแนวนอน ด้วยความต้องการเน้นการกระจายแสงเพื่อสร้างทัศนวิสัยในการขับขี่มากขึ้น ทำให้แม้หลอดตัดหมอกจะมีขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพสูงในการทะลุทะลวง และแยงตาผู้ขับขี่ที่ขับรถสวนเลนมา หรือสะท้อนกระจกหลังอย่างชัดเจน

ยิ่งปัจจุบัน รถยนต์บางรุ่นให้ไฟตัดหมอกหลังมาด้วย เพื่อเสริมการมองเห็นของผู้ขับขี่รถยนต์ที่ตามมาข้างหลัง ยามทัศวิสัยแย่ การใช้งานไม่ถูกต้องก็ยิ่งส่งผลให้เกิดอันตรายในการขับขี่

ตามกฎหมายการใช้งานไฟตัดหมอก ไม่ถูกต้องก็มี โดยระบุตามประมวลกฎหมายจราจรทางบก แก้ไขปี พ.ศ. 2536 ว่า

“ไฟตัดหมอกที่ติดตั้งในรถยนต์นั้น สามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่อรถวิ่งอยู่ในสภาวะที่มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรค อันอาจเกิดอันตรายในขณะขับรถและต้องไม่มีรถอยู่ด้านหน้า หรือสวนมาในระยะของแสงไฟ หรือในระยะ 150 เมตร โดยสามารถใช้หลอดไฟแสงขาวหรือแสงเหลือง ที่มีกำลังไฟไม่เกินดวงละ 55 วัตต์ เท่านั้น”

โดยบทของโทษจากการกระทำผิด...ในการใช้ไฟตัดหมอก หากตรวจพบ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับปรับเป็นเงิน 500 บาท ..แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ เนื่องจากคนจำนวนมากยังกล้าที่จะใช้ไฟตัดหมอกย่างพร่ำเพรื่อ

ไฟตัดหมอก..ใช้อย่างถูกต้องอย่างไร...

ทีนี้หลายคนอาจจะมีคำถามว่าแล้วไฟตัดหมอก จะใช้เมื่อไร..อย่างไร ด้วยรถบางรุ่นซื้อมาไม่มีไฟตัดหมอก และหรือรถที่มีก็ดูจะเป็นรถรุ่นสูงๆ เท่านั้น

เรื่องการใช้ไฟตัดหมอก แม้ว่าตัวไฟที่เราเรียก จะเรียกว่าไฟตัดหมอก ..ซึ่งมาจากการแปลภาษาว่า Fog Lamp แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การใช้ไฟสำรองเพิ่มทัศนวิสัย ต้องอยู่ในวิจารณญาณสำคัญของผู้ขับขี่ด้วย

แน่นอนชื่อของมันที่เราเรียกว่าไฟตัดหมอก ยังมาข้อสรุปในการใช้งานได้ทันทีว่า ไฟชนิดจะสามารถเปิดใช้ได้ในยามที่หมอกลง ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอกหนาจัดๆ อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในฤดูหนาวทางภาคเหนือ และยังพอที่ถูไถไปกับยามที่คุณอาจจะต้องขับรถผ่านควันหนาๆ เช่นควันไฟป่า หรือไฟไหม้หญ้าข้างทาง .แต่ก็ดูเหมือนว่า ช่วงเวลาที่จะได้ใช้ไฟตัดหมอกนั้นน้อย และไม่คุ้มค่าเกินไป

ที่จริงยังมีสถานการณ์บางแบบที่คุณยังสามารถใช้งานไฟตัดหมอกได้ โดยเฉพาะในหน้าฝนแบบนี้ ในยามฝนตกหนัก ไฟตัดหมอกเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยดี ยิ่งรถใครไฟหน้าเป็นแบบไฟซีนอนสีขาว กลางสายฝนแทบจะไม่มีประโยชน์อันใดในการส่องสว่าง ลองเปิดไฟตัดหมอกใช้งานจะพบว่าชีวิตดีขึ้นอีกเล็กน้อย

เช่นเดียวกันไฟตัดหมอกหลัง ก็ทำให้คุณไม่ดูเป็นคนโบราณ เปิดไฟผ่าหมากขับรถกลางสายฝนจนพาชาวบ้านงงไปตามๆกัน แต่ไฟตัดหมอกหลังจะมีความสว่างกว่าไฟท้ายทั่วไป อีกพอสมควร จนในยามปกติ คุณสามารถเห็นรถที่เปิดไฟตัดหมอกหลังแล้วขับแบบไม่สนใจโลก ได้ในระยะ 300-400 เมตรเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดีในบางครั้ง ไฟตัดหมอกก็อาจจะใช้เป็นผู้ช่วยเหลือในบางโอกาส เช่น หลอดไฟหน้าคุณเกิดขาดขึ้นมากะทันหันในระหว่างการขับขี่ ตามต่างจังหวัดที่มีเส้นทางมืดมา การยอมใช้ไฟตัดหมอกช่วยส่องสว่างก็อาจจะพออนุโลมได้

แต่ท้ายที่สุดแล้ว.....ไม่ว่าในสถานการณ์ใดในการขับขี่ที่คุณอาจจะต้องใช้ไฟตัดหมอก ให้ถือว่า ไฟตัดหมอกควรจะปิดไว้เสมอ และ เปิดเมื่อต้องการใช้งานมันจริงๆ

“ไฟตัดหมอก” จะว่าไปอาจไม่ใช่ของจำเป็นที่สุดในการใช้งานรถยนต์ แต่ไฟแบบนี้ก็พอจะช่วยลดความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการขับขี่ในทัศนวิสัยอันย่ำแย่ก็พอได้ แต่ที่สำคัญไปกว่าการตระหนักว่าของแล้วต้องได้ใช้ คือใช้อย่างถูกต้องอย่างไรเพื่อให้มีประโยชน์สูงสุด

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ขอบคุณที่มา China Xinhua News

ขอบคุณข้อมูลจาก คุณณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn),www.autodeft.com