- 26 พ.ย. 2560
ปริศนา!! "ชุบตัว-อาบว่าน"...คงกระพันจริงรึ? "ว่าน"อะไร? พลังจิตไม่แกร่ง สมาธิไม่พอ...อย่าริลอง!!!
สำหรับเรื่องที่จะกล่าวถึงในวันนี้...หลายผู้คนคงอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เหลวไหล! จากเรื่องเล่าและหรือตำนานที่สืบทอดกันมา
จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ"ไสยศาสตร์" หรือ "พุทธาคม"เป็นเรื่องจริง ที่ไม่สามารถแยกออกจากชีวิตมนุษย์โดยเฉพาะชนชาติ"ไทย" ด้วยเพราะได้มีการนำเอาสิ่งดังกล่าวมาใช้สำหรับเป็น"เกราะ"ป้องกันศัสตราวุธที่จะมาทำร้ายทำลายชีวิตได้
สำหรับเรื่องที่จะกล่าวถึงในวันนี้...หลายผู้คนคงอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เหลวไหล! จากเรื่องเล่าและหรือตำนานที่สืบทอดกันมา
จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ"ไสยศาสตร์" หรือ "พุทธาคม"เป็นเรื่องจริง ที่ไม่สามารถแยกออกจากชีวิตมนุษย์โดยเฉพาะชนชาติ"ไทย" ด้วยเพราะได้มีการนำเอาสิ่งดังกล่าวมาใช้สำหรับเป็น"เกราะ"ป้องกันศัสตราวุธที่จะมาทำร้ายทำลายชีวิตได้
ซึ่งจากกาลอดีต ก็ได้มีการนำเอา"ไสยศาสตร์" และ "พุทธาคม"ไปคุ้มครองผืนแผ่นดินไทยให้คงอยู่รอดมาตราบจนทุกวันนี้
นั่นก็คือเรื่องเกี่ยวกับความลี้ลับ ที่เกิดขึ้นจากการ"ชุบตัว" หรือ "อาบว่าน" เรืองนี้มีประวัติและความเป็นมาอย่างไรนั้นลองติดตามอ่านดู
"ว่าน" เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งทั้งมีหัวและไม่มีหัว สรรพคุณใช้เป็นยาสมุนไพร(แพทย์แผนไทย) หรือ เพื่อให้เกิดคงกระพันชาตรี
และถือกันว่าเป็น"ไม้มงคล"ประเภทหนึ่ง ซึ่งแต่ชนิดของว่านจะมีอิทธิฤทธิ์จาก"เทพารักษ์"ที่ปกปักรักษาอยู่ และบรรดาว่านเหล่านี้เองได้กลายเป็นเรื่องราวที่จะได้กล่าวถึง "ว่าน"จริงแล้วมีอยู่ด้วยกันร้อยแปดพันเก้าชนิดแต่"ว่าน"สำคัญที่จะได้กล่าวถึงและถูกนำมาใช้ในกรรมพิธีในทาง"ไสยศาสตร์"และหรือ"พุทธาคม"มีดังต่อไปนี้
1.ว่านสบู่เลือด
2.ว่านตาลปัตรฤาษี
3.ว่านหอกหัก
4.ว่านพญาเสือโคร่ง
5.ว่านกระชายดำ
ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องดังกล่าว ก็ควรที่จะมาทำความเข้าใจกับคำว่า"คงกระพันชาตรี"กันเสียก่อน เพราะเท่าที่พูดกันอยู่ในปัจจุบัน ยังเป็นเรื่องของความสับสน ด้วยเพราะเอาคำว่า"คงกระพัน"มาผนวกรวมเข้ากับคำว่า"ชาตรี"
"คงกระพัน" หมายถึงเนื้อหนังมังสาของมนุษย์ ที่ทนทานต่อศัสตราวุธทั้งที่แหลมคมและไม่แหลมคม โดยศัสตราวุธนั้นจะไม่สามารถทิ่มแทงให้ทะลุผ่านผิวหนังได้ หรืออย่างมากเท่าที่ปรากฏเห็นก็เพียง มีเลือดออกซิบๆลักษณะคล้าย"ยางบอน"เท่านั้น แต่กับเรื่องของความเจ็บปวดย่อมต้องมีบ้าง อาจถึงขั้นกระดูก
แตกหรือหักได้จากความรุนแรง
"ชาตรี"นับเป็นศาสตร์เบื้องต้นสำหรับมนุษย์ผู้ชาย ความหมายก็คือ"การผ่อนหนักให้เป็นเบา" หรือ"คงทน"ต่อความแหลมคมของศัสตราวุธต่างๆทำให้แรงกระแทกของศัสตราวุธนั้นลดน้อยลง แทนความรุนแรงที่จะต้องได้รับ โดยได้รับแต่เพียงอาการของความเจ็บปวดหรือขัดยอกแต่เล็กน้อยเท่านั้นไม่เหมือนกับ "คงกระพัน"
บันทึกที่เป็นทางการและอย่างไม่เป็นทางการ ระบุไว้เหมือนกันว่าการ"ชุบตัว"หรือ"อาบว่าน"เพื่อความ"คงกระพัน"
นั้นมีมาแต่บรรพกาล ซึ่งก็อาจจะเป็นได้ในเรื่องที่เกี่ยวกับ"ความเชื่อ"ที่ลี้ลับ!"ว่าน" หรือ "ไม้มงคล"สำหรับที่จะถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมการ"ชุบตัว"หรือ"อาบว่าน"มีดังต่อไปนี้
1.รากว่านพญาดำ
2.รากว่านพญายัง
3.รากว่านชะมัด
4.รากว่านตีนต่าง
5.รากว่านคาง
6.รากเถาวัลย์เปรียง
7.ตาของไม้ไผ่เจ็ดตา
กรรมวิธี...นำเอาสิ่งของทั้งหมดไปแช่ด้วยน้ำค้าง ปลุกเสกด้วยคาถาอาคมที่ลี้ลับเจ็ดครั้ง และน้ำนั้นก็คือนำ้ที่จะใช้ในการ"ชุบตัว"หรือ"อาบว่าน"นั่นเอง ก่อนจะทำการ"ชุบตัว"หรือ"อาบว่าน" จะต้องมีการตั้งเครื่องเซ่นบูชาครู(ตามแต่ละครู)และจะทำการ"ชุบตัว" หรือ"อาบว่าน"กัน ณ บันไดขั้นแรกแล้วกลับเอาบันไดลง ทำเช่นนี้เป็นเวลาสามวัน ถือเป็นเสร็จพิธี
เรื่องนี้นับว่าไม่ง่ายนักสำหรับผู้ที่มีอายุค่อนข้างมาก ด้วยเพราะการ"ชุบตัว"หรือ"อาบว่าน"ต้องใช้เวลามากยุ่งยากในการปรับตัว เพราะการ"ชุบตัว"หรือ"อาบว่าน"มากๆจะทำใหผิวหนังของผู้นั้นรัดตัว แม้กระทั่งตามรูขนก็ถูกปิดกั้น ทำให้เหงื่อไม่สามารถระบายออกมาได้ทำให้เกิดเม็ด(สิว)ขึ้นตามตัวขจัดออกได้ยากมากเนื่องมาจาก"หนังเหนียว"
ซึ่งนอกจากวิธีการดังกล่าวแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่งในการใช้"ว่าน"ทำความ"คงกระพัน"ให้กับร่างกาย นั่นก็คือการ"กินว่าน" แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะลดน้อยลงกว่าวิธี"ชุบตัว"หรือ"อาบว่าน" ด้วยเพราะว่านที่กินเข้าไปนั้นถูกย่อยสลาย ต้องเพิ่มการกินทั้งๆที่ว่านที่ใช้นี้กินอยากอยู่แล้วจากคุณสมบัติของมันที่มีทั้งขม ฝาด เผ็ดร้อน เมื่อมากเกินพอผลกระทบก็จะปรากฏให้เห็นจากฤทธิ์ของว่าน โดยในฤดูหนาว ผู้ที่กินว่านประเภทนี้ผิวหนังจะมีอาการผิดปกติเรียกว่า"ออกดอก"มีลักษณะเป็นจุดสีขาวคล้าย"เกลื้อน" เรียกกันว่า"ว่านออกดอก"แต่ก็ไม่เป็นพิษภัยแต่อย่างใด การทดลอง ก็จะทำโดยใช้ของมีคมอาทิ หอก ดาบแทงฟัน หรือใช้ปืนยิงด้วยกระสุนจริง แต่ถึงจะอย่างไรผู้กระทำพิธีต้องมี"คาถาอาคม"ในการปลุกเสกที่เก่งกล้า อีกทั้งตัวผู้"ชุบตัว-อาบว่าน"จะต้องมีความเชื่อมั่นและสมาธิที่แน่วแน่ จึงจะเป็นที่ประสพผล มิฉะนั้นแล้ว...จะก่อให้เกิดอันตรายให้กับ"ผู้ลอง"อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง...เบาก็แค่บาดเจ็บ ถ้าหนัก..อาจถึงเสียชีวิตได้
อนึ่ง มีหลักฐานที่ยืนยันเกี่ยวกับความเป็นจริงในเรื่องของความ"คงกระพัน"ไว้ในจดหมายเหตุของชาวต่างชาติ" อีมีรี วันวลิตฎ"สัญชาติฮอร์ลันดา ในสมัยกรุงศรีอยุธยา จากประสพการณ์ที่ได้พบความมหัศจรรย์ของผู้"คงกระพัน"ไว้ดังนี้
"ออกหลวงมงคล"ยอดขุนพลคู่พระทัยของ "พระศรีศิลปฯ"พระอนุชาธิราชในพระเจ้าทรงธรรม ตอนถูกลงโทษประหารชีวิต เมื่อปี พศ.2190(คศ.1647)ฉบับภาษาไทยบันทึกเอาไว้ว่า
"ออกหลวงมงคล" ยอดขุนพลคู่พระทัยของ"พระศรีศิลป์ฯ พระอนุชาธิราชในพระเจ้าทรงธรรม เป็นผู้ที่"คงกระพัน"หรือ"หนังเหนียว"ไม่มีศัสตราอาวุธใดทำร้ายร่างกายได้!
ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแต่สมัยที่"ออกหลวงมงคล"ได้สนับสนุนให้"พระศรีศิลปฯ"ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระเจ้าทรงธรรม ตามกฏมลเฑียรบาล แต่กลับถูกขุนนางผู้มักใหญ่ใฝ่สูง ยกพระราชโอรสของพระเจ้าทรงธรรมขึ้นครองราชย์แทน"ออกหลวงมงคล"จึงคิดการศึกชิงราชบัลลังก์แต่เป็นด้วยกำลังที่น้อยกว่าจึงต้องตกเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้และยอมมอบตัวต่อทางการ แต่"ออกหลวงมงคล"ไม่ยอมให้ใช้โซ่ตรวนพันธนาการโดยบอกแก่เจ้าหน้าที่จับกุมว่า...แม้มิยอมมอบตัว อย่าว่าแต่โซ่ตรวนเลย อาวุธและเครื่องดักทั้งหลายก็อย่าหมายความว่าทาน"ออกหลวงมงคล"ได้
"ออกหลวงมงคล"ถูกตัดสินลงโทษถึงประหารชีวิตด้วยดาบ ณ ลานประหารกลางแจ้งให้ประชาชนได้ดูเพื่อจะได้เข็ดหลาบ ก่อนการประหารจะเริ่ม"ออกหลวงมงคล"ได้กล่าวขึ้นต่อหน้าฝูงชนว่า....วิทยาคุณทางไสยศาสตร์นั้นเป็นของจริง และตนเองได้ใช้คุ้มครองชีวิตตลอดมา หากใครสงสัยก็จะแสดงให้ดู!
ซึ่งในขณะที่เพชฌฆาตลงดาบประหารนั้น ดาบที่ถูกตัว"ออกหลวงมงคล"กลับกระดอนอ่อนคดไปหมด ทั้งๆที่เพชฌฆาตฟันดาบสุดแรง แต่เสมือนกับคมดาบกระทบเข้ากับทั่งตีเหล็ก
ในช่วงเวลาเดียวกันั้น"ออกหลวงมงคล"ได้กระชากเชือกที่พันธนาการอยู่ออกพร้อมลุกขึ้นยืนบีบคอเพชฌฆาตผู้นั้นถึงแก่ความตาย จากนั้นจึงได้เอ่ยปากขอน้ำหนึ่งขันนำมาเสกบริกรรมคาถาแล้วดื่มกิน ที่เหลือเทรดร่างกายและใช้นิ้วชี้ขวาจุ่มลงในน้ำนั้น ทำเครื่องหมายไว้ที่ใต้ชายโครงด้านซ้าย และหากดาบฟันถูก ณ ที่นั้น ใส่ก็จะไหลลงมาอย่างรวดเร็วจนถึงแก่ความตาย(18)
จากนั้น"ออกหลวงมงคล"ได้ล้มตัวลงนอนราบบนพื้นดินลานประหาร สั่งให้เพชฌฆาตฟันดาบลงตรงที่ได้ทำเครื่องหมายไว้และยังได้กล่าวสำทับเพชฌฆาตว่าหากฟันพลาดจะถูกฆ่าให้ตาย เพชฌฆาตเกิดความกลัวฟันพลาดจากเป้าหมาย "ออกหลวงมงคล"จึงลุกขึ้นร้องบอกให้เพชฌฆาตผู้นั้นลงดาบอีกครั้งที่หัวใจ หากไม่ถูกจะบีบคอให้ตาย เพชฌฆาตจึงลงดาบสอง ฟัน"ออกหลวงมงคล"ถึงแก่ความตายในที่สุด
และจนกระทั่งถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถบอกได้ว่า ความ"คงกระพัน"ของ"ออกหลวงมงคล"ขุนพลคู่พระทัย"พระศรีศิลป์ฯพระอนุชาธิราชในพระเจ้าทรงธรรม"เป็นเพราะสาเหตุใด?"ชุบตัว-อาบว่าน" และหรือการใช้"ไสยศาสตร์-พุทธาคม"ที่ลี้ลับกันแน่! ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงปล่อยทิ้งไว้เป็นปริศนาสำหรับชนรุ่นหลังอีกต่อไป
ขอขอบคุณท่านผู้เป็นเจ้าของเครดิตภาพที่ผู้เขียนได้นำมาจาก (อินเตอร์เน็ต)เพื่อใช้ในการแสดงประกอบเนื้อหาสาระข้อมูลนี้ค่ะ..และขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข้อมูลจาก:วิกิพีเดีย,
ภาพประกอบจากภาพยนตร์มหาอุตม์,และข้อมูลเพิ่มเติม(บางส่วน)
จาก :อินเตอร์เน็ตค่ะ
เรียบเรียงโดย:พัชรพิศุทธิ์ โชติกา พิรักษา และ ศศิภา ศรีจันทร์ ตันสิทธิ์






